วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ทฤษฎี พระเยซูเสด็จมาใน คศ. 70 แล้ว


ทฤษฎี  พระเยซูเสด็จมาใน คศ. 70 แล้ว

ชื่อเสียงของทฤษฎีนี้ เข้าหูผมมานานแล้ว และผมรู้สึกเฉยๆมาก  เพราะไร้ข้อมูลความจริงอย่างสิ้นเชิง

จนมาภายหลังรู้สึกแปลกใจ  ที่คนหลายคนสนใจและเชื่อในทฤษฎีนี้แบบหัวปัก
ผมเลยขอเขียนตีแผ่ทฤษฎีนี้ สักหน่อย เผื่อให้บางท่านที่ถูกพัดไปพัดมานั้นได้มีสมอ ท่ามกลางคลื่นทะเลข้อมูลที่เขย่าเรือชีวิตเสียจนโคลงเคลง


ทฤษฎีนี้พระเยซูเสด็จมาแล้วในปี 70 เกิดขึ้นหลังปี คศ 1000 
ผู้คนที่เชื่อพระเยซู ทางยุโรบ หรือกลุ่มคาทอลิกนั้นคาดว่าพระคริสต์จะเสด็จกลับมาตามคำพยากรณ์   ในปีคศ 1000   หลายคนถึงกับขายสิ่งสารพัดยกกองคาราวานมาที่เยรูซาเล็ม   มารอกันเป็นปีๆ ในขณะนั้นไม่มีใครเชื่อเรื่องการเสด็จมาในยุค คศ 70   
เมื่อคนนับหมื่นนับแสนมารอที่เยรูซาเล็มนับถอยหลังในปี คศ 1000  สุดท้ายไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น  
ขณะที่ผู้เชื่อพระเยซูทางอาหรับรู้สึกขบขันกับความคิดนั้นของชาวยุโรบ

  
ซึ่งในยุคนั้น ผู้เชื่อพระเยซูทางอาหรับเดินตามแนวทางของ อิสลามกันหมด


และผู้เชื่อพระเยซุเดินทางยุโรบเดินทางตามแนวทางของโรมมันคาทอลิก

ทางอาหรับก็มีกำหนดการที่แจ้งในกุรอ่านเช่นกันว่า  นบีอิซา (พระเยซู) จะมานั้น จะมีหมายสำคัญใดเกิดขึ้นบ้าง (หมายสำคัญเรื่องวันกิยามะฮฺ
ขณะที่ทางยุโรบคาทอลิกเชื่อว่าพระเยซูจะมาในปี คศ.1000  สุดท้ายเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เริ่มเดินทางกลับ

การเดินทางกลับนั้น ไม่ง่ายอย่างที่คิด เหล่า กองโจรของมุสลิมเข้าปล้น สะดม นักแสวงบุญ 
จนทางยุโรบเสียหายทั้งทรัพย์สินและล้มตาย   
ทางคาทอลิกนั้นเกิดความโกรธแค้นอย่างมาก  และเกิดการยกทัพกลับมาทำลายมุสลิม และจะยึดเอาเยรูซาเล็มกลับมา

นี่คือต้นเหตุของสงคราม ครูเส

สงครามที่ยืดเยื้อราวร้อยห้าสิบปี  ระหว่างคาทอลิก และอิสลาม
หลายคนก็คิดว่านี่แหละคือสงครามสุดท้ายก่อนพระคริสต์เสด็จมา  ตามคำพยากรณ์ หลังสงครามสงบลง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  พระเยซูก็ไม่เสด็จมา

ด้วยความหน้าแตกของหลายๆฝ่ายที่พยากรณ์  และกลุ่มผู้เชื่อรุ่นใหม่ที่สบประมาทผู้นำศาสนารุ่นก่อนที่ตีความไม่ถูกต้อง  จึงเกิดทฤษฎีนี้ขึ้นหลัง คศ1200 ซึ่งเกิดการพูดกันว่า หรือพระเยซูมาแล้วเมื่อ คศ 70  เลิกคาดหวังได้แล้ว   (ในยุคนั้นไม่มีพระคัมภีร์ให้คนทั่วไปได้อ่าน)  เป็นการเดาสุ่มเพื่อถามหาความจริง

โดยมีเหตุผล สามข้อ แบบไม่ได้มีความรู้เรื่องพระคัมภีร์อย่างถ่องแท้  สรุปว่า 

1
ไม่มีประเทศอิสราเอลแล้ว
สุดท้ายที่มีประเทศอิสราเอลคือ คศ 70 คำพยากรณ์บอกว่า พระองค์เสด็จมา ที่เยรูซาเล็ม และชาวยิวจะเห็น  ฉะนั้นพระเยซูน่าจะมาแล้ว

 
2
พระเยซูเคยพยากรณ์เรื่องคนหนึ่งชั่วอายุเอาไว้ว่าจะเกิดการถล่มเยรูซาเล็ม และที่เดียวกันนั้นก็ได้พยากรณ์การเสด็จกลับมาด้วย ก็สรุปไปว่าน่าจะเป็นเหตุการเดียวกันกับปี คศ 70

3 พระเยซูบอกด้วยว่าวิหารถล่มแล้วจะสร้างขึ้นในสามวัน พระองค์มาวันที่สามหลงจากวิหารพัง

ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ไม่มีอะไรที่เป็นความจริงได้เลย เพียงแต่หยิบประเด็นมาแต่ไม่ครบและสรุป

ทฤษฎีนี้จึงไม่ได้มาจากปากของผู้รู้พระคัมภีร์อย่างเเท้จริง
แต่ก็มีผู้คนจำนวนเล็กๆจำนวนหนึ่งไม่มั่นคงในพระคัมภีร์ เชื่อตามนั้นอย่างมั่นคง  

ปี 1948 เกือบพันปีหลังจากนั้น เกิดประเทศอิสราเอลขึ้น นี่เป็นหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของปลายยุค คนที่เคยเชื่อทฤษฎีนี้  เลิกเชื่อไปหลายคน เพราะสิ่งที่พยากรณ์ถึงการเสด็จกลับมานั้นเกิดขึ้นแล้ว นี่คือเวลาของมะเดือ่แตกกิ่งแตกใบ อย่างที่พระเยซูกล่าววไ้ว่า เป็นหมายสำคัญของการเสด็จกลับมา  และคำพยากรณ์ที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวหลายครั้งไว้ก็กำลังเกิดขึ้น สำเร็จเป็นจริง


ผมในฐานนะผู้เชื่อพระเจ้ามากว่า 40 ปี หลังปี 1948 คนที่ศึกษาเรื่องการเสด็จมา ไม่มีใครคิดได้อีกเลยว่าพระเยซูมาแล้วในปี คศ.70
ผมได้ยินทฤษฎีนี้  จากปากคนไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า  และไม่เชื่อเรื่องคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์  มองพระคัมภีรืเป็นหนังสือที่ไม่มีฤทธิ์เดชในการพยากรณ์ใดๆ
และเป็นประเภทผู้เชื่อในสิ่งที่ตนอยากเชื่อ ไม่เข้าใจหรือเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างถ่องแท้ แม้นเป็นเพียงเเค่เรื่องง่ายๆก็ไม่เปิดใจที่จะเข้าใจ

เกริ่นมานาน ผมยกข้อโต้แย้งสำหรับทฤษฎีนี้เป็นข้อๆ เพื่อไปศึกษาต่อได้ ว่าเพราะอะไรพระเยซูไม่ได้มาใน คศ 70

1 พิจราณาทางประวัติศาสตร์ การเขียนพระธรรมวิวรณ์ เขียนในปี 90-92  ภาย หลังจากยอห์นถูกจักพรรดิ์โดมิเทียนสั่ง ต้มในน้ำมันแต่ไม่ตาย ประวัติศาสตร์บันทึกว่า ท่านถูกเนรเทศไปอยู่เกาะปัทมอส และท่านก็เขียนพระธรรมวิวรณ์ที่นั้น ราวปี คศ90-92
แน่นอนว่า ถ้าพระเยซูมาในปี 70 พระธรรมวิวรณ์ ก็คงไม่ต้องเขียนขึ้นอีกแล้ว
เพียงเท่านี้ก็หักล้างทฤษฎีนี้ได้แล้ว  ทฤษฎีพระเยซูมาปี 70 กล่าวว่า วิวรณ์เขียนก่อนปี 70
ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะจดหมายท่านเขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ด ซึ่งเกิดขึ้นในเอเซียไมเนอร์(แถบตุรกีปัจจุบัน) ซึ่งเติบโตในยุค70-90 หลังจากเปโตรและเปาโลสิ้นชีวิตแล้ว ซึ่งบริเวณนั้นเป็นพื้นที่พันธกิจของยอห์น
ส่วนเหตุการณ์ก่อนกรุงแตกนั้นสาวกได้กระจายกันไปในที่ต่างๆแล้วเพราะพระเยซูได้พยากรณ์ถึงการที่จะเสียกรุงและวิหารแล้ว เปโตรเดินทางไปโรมและสิ้นชีวิตที่โรมในปี คศ 68 ขณะนั้นยอห์นอยู่แถบเอเซียไมเนอร์
ไม่มีใครอยู่รอพระเยซูที่เยรูซาเล็ม และสาวกส่วนใหญ่สิ้นชีวิตหลังปี 70 ไม่มีใครเขียนจดหมายเลยว่าพระเยซูมาแล้ว และพระกิติคุณ ทั้งสามเล่ม (ไม่นับมาระโก)  เขียนหลังปี คศ70 มีเพียงจดหมายเปาโลและยากอบ เปโตร ที่เขียนก่อนปี คศ 70  ถ้าพระเยซูเสด็จมาแล้วก็คงไม่ต้องเขียนสำแดงอะไรเพื่อการประกาศอีกแล้ว

และถ้าพระเยซูเสด็จลงมาจริง พระเยซูไปอยู่ไหนไป ไปรับใคร
ฉะนั้นพิจราณาทางประวัติศาสตร์ พระเยซูมา คศ. 70 จึงเป็นเรื่องลวงโลก
สร้างขึ้นเพื่อจะหาคำอธิบายในยุคที่ไม่มีเยรูซาเล็มแล้ว (เพราะการเสด็จมาเกี่ยวข้องกับเยรูซาเล็มและวิหาร)และในยุคที่สร้างทฤษฎีโกหกนี้ขึ้นมาเพราะ ไม่มีการอ่านพระคัมภีร์ที่ตีพิมพ์อย่างเช่นทุกวันนี้
และไม่มีการเรียนเรื่องประวัติศาสตร์  เราเข้าใจได้ในยุคนั้นว่าจะมีคนหลงเชื่อจริง แต่ไม่ใช่ยุคนี้ที่ความรู้ทวีขึ้นแล้ว
2 ไม่มีหมายสำคัญเรื่องการพยากรณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์การเสด็จมาเหตุการณ์ที่ถูกพยากรณ์เรื่องวันแห่งการเสด็จมานั้น มีหมายสำคัญหลักๆ กว่าห้าสิบรายการ จากผู้เผยพระวจนะน้อยใหญ่พยากรณ์เอาไว้ เช่นเกิดสงครามน้ำท่วมหรือเหตุวิบัติต่างๆ
แต่คศ 70 มีเหตุการณ์เดียวที่พอจะเหมือนได้คือ มีสงคราม ที่เยรูซาเล็ม   เท่านั้น   ซึ่งจริงๆพระเยซูพยากรณ์ว่าเป็นข่าวลือเรื่องสงครามระหว่างประชาชาติต่อประชาชาติ   นอกจากนั้นไม่มีการประกาศไปสุดปลายแผ่นดินโลกเกิดขึ้น ไม่มีสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนไปวางที่วิหาร เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่ต้องเกิดก่อนการเสด็จมา (มธ24) 
คำพยากรณ์เรื่องการเสด็จมาจะมีเรื่องอื่นๆอีกเช่น

มีความมืดปกคลุม มีการกันดาร  การรับขึ้น และหมายสำคัญอื่นๆจากท้องฟ้า 
หรือ การเกิดช่วงเวลาแห่งความทุกข์เข็ญที่สุดของประชาชนพระเจ้า  (ดนล12:1) ซึ่งหากเปรียบแล้วหลังจากกรุงแตก การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ยิวใน คศ 130  ที่ 
จักรพรรดิ์ เฮเดรียนสั่ง ฆ่ายิวทั้งยูเดีย ก็ยังหนักหนาลำเค็ญกว่า คศ 70 หรือการฆ่ายิว 6ล้านคนในสงครามโลกครั้งที่สองโดยทหารฮิตเลอร์  ก็เป็นเรื่องที่สาหัสมากกว่า  ในเมื่อไม่มีหมายสำคัญตามคำพยากรณ์ในเรื่องการเสด็จมา พระเยซูจะมา คศ 70 ได้อย่างไร  ใน คศ70 มีการล้อมของกองทัพโรมโดยแม่ทัพไททัส เมื่อตีแตกได้ ก็ถล่มเยรูซาเล็มเสียยับเยินเท่านั้น  ไม่ปรากฎการเสด็จกลับมาอะไรเลย  แต่ก็ยังมีคนรุ่นหลังเชื่อว่าพระเยซูเสด็จมาแล้วแบบหัวชนฝา ซึ่งน่าเวทนา ดำเนินชีวิตเป็นผู้เชื่อต่อไปแบบไม่มีจุดหมาย เพราะเชื่อแล้วว่าพระเยซูมา แล้วก็แค่นั้น อิสราเอลก็พินาศไป วิหารก็พินาศไป ไม่มีอะไรดีขึ้นเมื่อพระเยซูเสด็จมา





3  เมื่อพระเยซูเสด็จมาจะมีการปกครองอณาจักรของพระเยซูบนโลก
 
ในดาเนียลกล่าวถึงอณาจักรส่วนเท้าที่จะเกิดขึ้นต่ออณาจักรโรม ก่อนอณาจักรพระเจ้าจะมา ไม่มีสิ่งเหล่านั้นเกิด    อณาจักรของพระคริสต์จะเป็น ก้อนหินที่กระทบอณาจักรสุดท้าย และทุกสิ่งก็พังลง   เมื่อพระเยซูมาโลกจะถูกปกครองโดยพระเยซูและธรรมิกชน ไม่มีมีสิ่งนั้น  เมื่อพระเยซูมา ชาวยิวจะกลับใจ  เมื่อพระเยซูมาบาปจะจบสิ้น เมื่อพระเยซูมาเยรูซาเล็มใหม่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นคำพยากรณ์ทั้งอิสยาห์ เอเศเคียล เมื่อพระเยซูมาเยรูซาเล็มจะถูกยกให้สูงเหนือบรรดาเนินเขาทั้งปวง  เมื่อพระเยซูมาโลกจะอยู่อย่างสันติ สัตว์จะเป็นมิตรกับคน  เมื่อพระเยซูมาจะมีน้ำแห่งชีวิตใหลออกจากเยรูซาเล็ม  เมื่อพระเยซูมาแผ่นดินจะถูกแบ่งแยกใหม่  จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่  แยกเยรูซาเล็มออก เมื่อพระเยซูมาคนจะมานมัสการพระเจ้า




เหล่านี้อันนี้เป็นเเค่ตัวอย่างของสิ่งที่ต้องเกิดจากการพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะ ซึ่งจริงๆหานับคำพยากรณ์วิวรณ์ซึ่งเขียนหลังปีคศ 70 ก้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ต้องมี เป็นหมายสำคัญถึงการมาของพระคริสต์   

แต่การสงครามในปี คศ70 เป็นแค่หมายสำคัยหนึ่งของการที่คนต่างชาติจะมาเหยียบย่ำกรุงเยรูซาเล็ม
และมีกำหนดของหมายสำคัญนั้นว่ามีวันจบสิ้นเช่นกัน พระเยซูไม่ได้พยากรณืว่าวันนั้นคือวันเสด็จมา แต่วันนั้นเป็นเพียงวันเริ่มกำหนด

    
ลก 21:24 
เขาจะล้มลงด้วยคมดาบ และต้องถูกกวาดเอาไปเป็นเชลยทั่วทุกประชาชาติ และคนต่างชาติจะเหยียบย่ำกรุงเยรูซาเล็ม จนกว่าเวลากำหนดของคนต่างชาตินั้นจะครบถ้วน

มีการกำหนดให้คนต่างชาติเหยียบย่ำกรุงเยรูซาเล็ม ช่วงเวลาหนึ่ง
จึงเป็นที่แน่นชัดว่า ไม่ใช่เวลาที่พระเยซูจะมา 


ตามประวัติศาสตร์คริสตจักรแล้ว หลังปี คศ 70 การประกาศที่เกิดผลที่สุดในโลกเริ่มต้นช่วงนั้น และการข่มเหงที่ร้ายแรงที่สุดก็ก็จะเริ่มในช่วงนั้นเช่นกัน ซึ่งยอห์นเป็นอัครฑูตที่นำคริสตจักรต่างๆทั่งโลก
สิ่งที่เขาประกาศ หลังปี คศ 70 ไม่ได้กล่าวว่าพระคริสต์มาแล้ว แต่ประกาศว่าพระคริสต์จะมาแล้วให้กลับใจเสียใหม่ และให้มีความหวังใจในการเสด็จมาของพระองค์1 ยน 3:2 ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า และยังไม่ปรากฏว่าต่อไปเบื้องหน้าเราจะเป็นอย่างไร แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาปรากฏนั้น เราทั้งหลายจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น
(หนังสือยอห์นเขียนหลังปี คศ70)


ซึ่งผู้ไม่เข้าใจได้ยกข้อนี้กล่าวว่าพระเยซูเสด็จมาแล้วยอห์นเป็นพยาน
1 ยน 5:20 และเราทั้งหลายรู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และได้ทรงประทานความเข้าใจแก่เรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์ผู้เที่ยงแท้ 

ซึ่งยอห์นกล่าวถึงการเสด็จมาที่ท่านเห็นและได้มีประสบการณ์ในการเป็นสาวก ไม่ใช่การเสด็จมาใน คศ70
การยกมาเพียงบางข้อนั้นทำให้คนที่ไม่เข้าใจหลงทางไปได้


การสังเกตลักษณะวิธีการเขียนของพระคัมภีร์ และการสื่อสารของพระเจ้า
การพยากรณ์เรื่อง คศ 70 เรื่องการล่มสลายของเยรูซาเล็ม และการพยากรณ์เรื่องการเสด็จมานั้น ทับซ้อนกันอยู่ในบทเดียวกันที่พระเยซูพยากรณ์   ซึ่งหากใครศึกษาเรื่องคำพยากรณ์เรื่องการเสด็จมา พระเจ้ามักจะสื่อสารด้วยเหตุการทับซ้อน ผสมผสาน กับเหตุการณ์เช่น บาบิโลนบุกเยรูซาเล็มหรือ อัสซีเรียบุกเยรูซาเล็ม และยกไปถึงวันแห่งการเสด็จมาของพระเจ้าด้วย   ถือเป็นเรื่องปรกติที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการแยกประเภทออกมาว่าเป็นเงาทับซ้อนของเรื่องอะไร  เพื่อคนมีปัญญาจะเข้าใจได้เท่านั้น  เพราะพรวจนะเป็นเรื่องของกฎซ้อนกฎกฎซ้อนกฎ บรรทัดซ้อนบรรทัด ซ้อนบรรทัด ที่นั่นนิดที่นี่หน่อยอสย 28:13 





มีอีกหลายสิ่งที่เราเจาะจงลงไปในพระคัมภีร์ จะพบข้อปลีกย่อยอีกมากมายที่ยืนยันถึง คศ 70 ไม่เกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับการเสด็จมาเลย ซึ่งเป็นเรื่องทฤษฎีที่ไม่ควรนำมาคุยแล้ว หลังจากอิสราเอลสร้างชาติขึ้นมาตามคำพยากรณ์ สิ่งที่ไม่เคยคิด ก็กำลังจะเกิดขึ้น (เพราะคำพยากรณ์ทุกอย่างในยุคสุดท้ายเกี่ยวพันกับอิสราเอล) ศาสนศาสตร์ล้าหลังเก่าๆที่ตีความสมัยยังไม่มีประเทศอิสราเอลก็ควรโยนทิ้งไป
ตรงนี้ก็ทิ้งไว้เป็นทฤษฎีอัปยศเท่านั้น เพราะเป็นทฤษฎีที่ไม่มีกฎจากพระวจนะรองรับ

ผมสรุปว่าการอ่านพระคัมภีร์แล้วสรุปมาว่าพระเยซูมาใน คศ 70 แล้วอันนี้หลุดไปไกลมากครับ
ซึ่งจริงๆไม่อยากเขียนเรื่องนี้เลย เพราะเหมือนกำลังคุยกับคนประเภทที่ไม่พร้อมเข้าใจอะไร เพราะไม่อยากเชื่อว่า จะมีคนเชื่อทฤษฎีนี้ และบางคนก็เป็นคนที่ผ่านการเรียนพระคัมภีร์มาแล้วก็ยังคล้อยตาม  แต่อย่างไรก็เขียนด้วยความรักความห่วงใย  เมื่อมีคนหลงเชื่อทฤษฎีนี้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ  ผมขอฝากคร่าวๆเบื้องต้นเอาไว้พิจราณา เพื่อให้ท่านได้ศึกษาต่อได้ และรอคอยความหวังใจที่พระเยซูตรัสสัญญาถึงการเสด็จมาว่าวันนั้น นำ้ตาทุกหยดพระองค์จะเช็ดให้ ไม่มีความตายอีกต่อไป ความบาปจะถูกพิพากษาและเราจะอยู่กับพระองค์นิรันดร์