วิหารหลังที่สามสำคัญอย่างไร
กษัตริย์ดาวิดมีดำริในการที่สร้างพระวิหารให้แก่พระเจ้า ทรงอธิษฐานฝากการงานทั้งสิ้นแด่พระยาเวย์
ดาวิดได้อธิษฐานประโยคหนึ่งว่า
1พศด 29 : 18 โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอลบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ขอพระองค์ทรงรักษาความประสงค์แห่งความคิดในใจของประชาชนของพระองค์ให้เป็นเช่นนี้เสมอไป
และขอทรงตั้งจิตใจของเขาทั้งหลายให้มั่นในพระองค์
การสร้างวิหารถือเป็นภาระกิจของชาวอิสราเอลในทุกยุคสมัย
วิหารซาโลมอนสร้างขึ้นมาอย่างโอ่อ่าตระการ และถูกทำลายลงโดยกองทัพบาบิโลน
วิหารถูกสร้างอีกครั้งในสมัยเอสรา เศรุบาเบล เดินทางกลับมาจากการเป็นเชลย และสมบูรณ์ยิ่งใหญ่ในยุคของเฮโรด
ถูกทำลายโดยกองทัพของบาบิโลน
และปัจจุบันนี่คือแผนการสร้างวิหารครั้งที่สามที่กำลังจะเกิดขึ้นในยุคของเรา
เมื่ออิสราเอลสร้างชาติขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางสงคราม ในวาระครบ 70 ปี
มีการประกาศถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย และจากข้อมูลที่เชื่อถือได้ เหล่านี้มีการเตรียมการกันนับร้อยปีมาแล้วจนเป็นที่น่าจับตาไปถึง คำพยากรณ์ปลายยุค

คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ สำเร็จไปประมาณ 30 % แล้ว
คงเหลือเพียงคำพยากรณ์เรื่องเหตุการณ์การเสด็จกลับมา และคำพยากรณ์เกี่ยวกับยุคพันปีเท่านั้นที่ยังรอเวลาอยู่
ที่ผมเขียนเรื่องวิหารหลังที่สามเพราะ
วิหารมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับการเสด็จมาของพระเยซู
เรามาดูกันว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่งไร เริ่มตั้งแต่เยรูซาเล็มเป็นของอิสราเอลก่อน
ลก 21 : 24 เขาจะล้มลงด้วยคมดาบ และต้องถูกกวาดเอาไปเป็นเชลยทั่วทุกประชาชาติ และคนต่างชาติจะเหยียบย่ำกรุงเยรูซาเล็ม จนกว่าเวลากำหนดของคนต่างชาตินั้นจะครบถ้วน
พระเยซูได้พยากรณ์ถึงการที่โรมมันจะเข้ามาทำลายเยรูซาเล็มในปี คศ 70
และได้พยากรณ์ว่า “คนต่างชาติจะเหยียบย่ำกรุงเยรูซาเล็ม จนกว่าเวลากำหนดของคนต่างชาตินั้นจะครบถ้วน” คำนี้ต้องขยาย
มีเวลากำหนดที่ครบถ้วน ซึ่งเราสามารถศึกษาได้ใน คำพยากรณ์เรื่อง 70สัปตะ ถึงเวลาที่ครบถ้วนนั้น
และเมื่อครบถ้วน ก็ “หมดเวลาของคนต่างชาติ” ดูต่อ

26 จิตใจมนุษย์ก็จะสลบไสลไปเพราะความกลัว และเพราะสังหรณ์ถึงเหตุการณ์ซึ่งจะบังเกิดในโลก ด้วยว่า `บรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้านไป'
27 เมื่อนั้นเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและสง่าราศีเป็นอันมาก
มีเหตุการณ์วิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งในคำพยากรณ์เรื่อง 70 สัปตะก็ได้พยากรณ์เอาไว้เช่นกัน และมีการทำสัญญา 7 ปี และจะมีการทรยศระหว่างนั้น
จนถึง พระคริสต์ก็จะเสด็จกลับมา (ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ขอข้ามไปก่อน)
ดนล 9:26 และประชาชนของประมุขผู้หนึ่งที่จะมานั้นจะทำลายกรุงและสถานบริสุทธิ์เสีย ที่สุดปลายของมันจะมาถึงด้วยน้ำท่วม และจนสงครามสิ้นสุดลงก็มีการรกร้างกำหนดไว้
27 ท่านจะยืนยันพันธสัญญากับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ และในระหว่างกลางสัปดาห์นั้นท่านจะกระทำให้การถวายสัตวบูชา
และเครื่องบูชาอื่นๆหยุดไป และเพราะเหตุมีความสะอิดสะเอียนแพร่กระจายไปทั่ว ท่านจะกระทำให้มันร้างเปล่าจนสำเร็จเสร็จสิ้น และสิ่งที่กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ที่ร้างเปล่านั้น"
มาที่เรื่องวิหาร
มีการปรากฎเรื่องวิหารใน 7 ปีนั้น ในเรื่องสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
ดนล 12:11 และตั้งแต่เวลาที่ให้เลิกเครื่องเผาบูชาประจำวันเสียนั้น และให้ตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่าขึ้น จะเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบวัน
มีการตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน 1290 วัน
ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดสมัยกษัตริย์อันทิโอกัส ได้เอารูปปั้นซุสเข้าไปในวิหารพระเจ้า และเอาเลือดหมูทาไปทั่ววิหาร
ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดสมัยกษัตริย์อันทิโอกัส ได้เอารูปปั้นซุสเข้าไปในวิหารพระเจ้า และเอาเลือดหมูทาไปทั่ววิหาร
ซึ่งถูกพยากรณ์ในดาเนียลเช่นกัน ดนล 11:31พวกเขาจะกระทำให้สถานบริสุทธิ์แห่งกองกำลังเป็นมลทิน และจะให้เลิกเครื่องเผาบูชาประจำวันนั้นเสีย และเขาทั้งหลายจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่าขึ้น
หากสิ่งที่จะเกิดขึ้น จะเกิดอีกครั้งเหตุ การณ์ของอันทิโอกัสก็เป็นเงา ว่า สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนนั้นจะถูกตั้งในวิหาร และพระเยซูทรงมา รับรองคำพยากรณ์นั้น
มธ24:15 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่า ที่ดาเนียลศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์" (ผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านก็ให้ผู้นั้นเข้าใจเอาเถิด)
16 "เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขาทั้งหลาย
1290 วัน คือเวลา สามปี ครึ่ง หรือ 42 เดือน
ตามที่วิวรณ์ได้พยากรณ์ว่า
วิวรณ์ 12:14 แต่ทรงประทานปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกแก่หญิงนั้น เพื่อให้นางบินหนีหน้างูเข้าไปในถิ่นทุรกันดารในสถานที่ของนาง จนถึงที่ซึ่งนางจะได้รับการเลี้ยงดู ตลอดวาระหนึ่งและสองวาระและครึ่งวาระ
หรือ การครอบครองของอณาจักรเทียมเท็จนั้น
วว 11:2 แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอกพระวิหารนั้น เพราะว่าที่นั่นได้มอบไว้แก่คนต่างชาติแล้ว และเขาจะเหยียบย่ำเมืองบริสุทธิ์ลงใต้เท้าตลอดสี่สิบสองเดือน
วว 13:5 และยอมให้สัตว์ร้ายนั้นมีปากที่พูดคำกล่าวร้ายและหมิ่นประมาท และยอมให้มันใช้อำนาจกระทำอย่างนั้นตลอดสี่สิบสองเดือน
ช่วงเวลานี้ เป็นเวลาเปิดฉากของกลียุค ที่มีวิบัติต่างๆที่พระเยซูได้พยากรณ์ และพระคัมภีรืได้กล่าวถึง
มาดูที่คำนี้
“สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ถูกตั้งในวิหาร”
“สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ถูกตั้งในวิหาร”
หากกล่าวคำนี้เมื่อร้อยปีก่อนก็ไม่มีใครเชื่อว่าวิหารอะไรที่ไหน เพราะประเทศอิสราเอลก็ยังไม่มีเลย
แต่ตอนนี้ก็ใกล้ความจริงแล้วว่า จะมีวิหารเกิดขึ้น
เราไม่รู้ว่าการสร้างวิหารจะเเล้วเสร็จเมื่อไร หรือการสร้างวิหารต้องมีสัญญาสันติภาพเจ็ดปีมาข้องเกี่ยว
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวิหารสร้างเสร็จ และมี สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนมาตั้งเมื่อไร อีกสามปีครึ่ง รู้กัน
วิหารสร้างเสร็จ ก็อย่าเพิ่งตกใจนะครับ รอให้สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนมาตั้งก่อน ค่อยนับนะครับ อย่าเพิ่งออกตัวหนีไปก่อน

ปฎิปักษ์พระคริสต์ คนนอกบัญญัติ คนนอกกฎหมาย แล้วแต่จะเรียกนะครับ ที่จะใช้อำนาจ 42 เดือนตามที่พยากรณ์ไว้
2 ธส 2:4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้อะไรๆที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้า หรืออะไรๆที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็นั่งในพระวิหารของพระเจ้าเหมือนอย่างพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า
“ นั่งในวิหารพระเจ้า “ ตลอดมานับพันปีเกือบสองพันปี ไม่มีวิหารของพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม หลายๆคนจึงเข้าใจว่ามะนน่าจะเกิดไปตั้งแต่ คศ 70 ที่วิหารถูกทำลายแล้ว ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ก็ไม่สมบูณณ์ เพราะพระเยซูเน้นว่าพระองค์จะมาอย่างไรผ่านพระธรรมวิวรณ์ใน คศ 90
ผู้เชื่อที่อ่านพระวจนะได้แต่งุน งง แต่เมื่อ เกิดประเทศอิสราเอลอีกครั้ง และการสร้างวิหารที่จะเกิดขึ้น จิ๊กซอลทั้งหลายก็ถูกขมวดเข้ามา ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ฉะนั้นผมสรุปเรื่องวิหารหลังที่สามมีความเกี่ยวข้องอย่างไรในการพยากรณ์ เรื่องปลายยุคก็คือ
1 วิหารหลังที่สามเป็นที่สิ่งน่าสะอิดสะเอียนมาวาง
2 วิหารหลังที่สามเป็นที่ปฎิปักษ์พระเมสิยาห์ จะมานั่งประกาศตัวเป็นพระเจ้า
พระเจ้าให้องค์ประกอบเรื่องเหตุการณ์ปลายยุคอีกหลายอย่าง นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆเรื่องที่เราสามารถสังเกตความหมายของยุคได้