วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561


เรื่องโลกวิญญาณกับกลิ่น

2 คร 4:18 ด้วยว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
มีมิติสองสิ่งคือ สิ่งมอง เห็นกับ สิ่งซึ่งมองไม่เห็น สองอย่างนี้อยู่ในโลกคนละมิติฝ่ายวิญญาณ คู่ขนานกัน
ความต่างกันคือ  สิ่งที่ตามนุษย์มองไม่เห็นเป็นสิ่งที่ถาวร เหล่านี้ล้วนถูกนิยามเป็นนามอธรรม เช่น ความรัก ความยุติธรรม สัมผัสได้ด้วยใจอย่างเดียว เหล่านี้คงอยู่ถาวร 
แต่ทุกอย่างที่มองเห็นนั้น ต้องนับถอยหลังสู่วันพังพินาศไป  ไม่มีอะไรที่จะยืนหยัดอยู่ได้ 

ที่ที่ทรงสร้างในมิติฝ่ายเนื้อหนังนี้ มีกลิ่น หรือ เมื่อเผาก็เป็นกลิ่น ซึ่งแตกต่างกัน


ในโลกฝ่ายวิญญาณแบ่งเป็นสวรรค์ กับ เมืองบรมสุขเกษมหรือปากแดนคนตาย และโลกทั้งสองมิติ พระคัมภีร์เรียกว่าโลก ในฝ่าย สว่างและความมืด   ทั้งสองมิตินั้น ใช้ชีวิตที่ต่างกัน โลกในด้านมืดที่ถูกแยกในวันที่ 1ของการทรงสร้างนั้น  เป็นโลกของวิญญาณ



ซึ่งเกี่ยวกันภายใต้การปกครองของ สวรรค์ด้วย เช่นเดียวกับโลกในมิติสว่างหรือโลกเนื้อหนังนี้ 
ฉะนั้นในมิติความมืดนั้น ไม่ได้ใช้ชีวิตตามสิ่งที่ตาบนโลกมองเห็น แต่มีจริง

ฉะนั้นการติดต่อของโลกฝ่ายวิญญาณกับโลกฝ่ายเนื้อหนังนั้นต้องสื่อกันด้วยอะไรอย่างไร
ต้องสื่อด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น  เสียง หรือกลิ่น เสียงจะมีอำนาจเมื่อมาจากจิตวิญญาณ
รวมถึงการกระทำทุกอย่างด้วยที่มาจากจิตวิญญาณ โลกวิญญาณรับรู้ได้ พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณพระองค์แสวงหาคนที่นมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง ถ้าไม่ได้มาจากจิตวิญญาณ พระเจ้าก็ไม่รับ
และนอกจากนั้นก็คือ กลิ่น เป็นการแสดงออกประกอบจิตวิญญาณ จึงต้องมีการเผาถวายพระองค์ด้วย
ปฐก 8:21 พระเยโฮวาห์ได้ดมกลิ่นหอมหวาน และพระเยโฮวาห์ทรงดำริในพระทัยว่า "เราจะไม่สาปแช่งแผ่นดินอีกเพราะเหตุมนุษย์
ถ้าไม่ได้มาจากจิตวิญาณก็เป็นที่น่าชังของพระเจ้า
อมส 5:21 "เราเกลียดชัง เราดูหมิ่นบรรดาวันเทศกาลของเจ้า และจะไม่ดมกลิ่นในการประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเลย
บนสวรรค์ เมืองบรมสุขเกษม ซึ่งไม่ใช่สวรรค์ที่พระทับพระเจ้าจริงๆ ก็มีการเผาเครื่องบูชา
และการเผาเครื่องบูชาตรงนี้ พระเจ้าได้ให้ทางโลกก็จำลองแบบบนสวรรค์ชั้นบรมสุขเกษมมา ผ่านทางระบบปุโรหิตของพระเจ้าในฝ่ายเนื้อหนังบนโลก
ฮบ 9:23 เหตุฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชำระแบบจำลองของสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้ แต่ว่าของจริงในสวรรค์นั้น ต้องชำระด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาเหล่านั้น
แบบจำลองสวรรค์ชั้นเมืองบรมสุขเกษมนั้นสร้างเพื่อให้สอดคล้องกับโลก เป็นการอธิบายสะท้อนโลกในฝ่ายจิตวิญาณที่โลกฝ่ายเนื้อหนังเข้าใจ แต่ในสวรรค์ของพระเจ้าต่างจากมิตินี้

ในวิวรณ์โลกสวรรค์ที่สะท้อนโลกเนื้อหนังบรรยายว่า
วว 5:8 เมื่อพระองค์ทรงรับหนังสือม้วนนั้นแล้ว สัตว์ทั้งสี่กับผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั้นก็ทรุดตัวลงจำเพาะพระพักตร์พระเมษโปดก ทุกคนถือพิณเขาคู่และถือขันทองคำบรรจุเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของพวกวิสุทธิชนทั้งปวง
คำอธิษฐานถูกแปลงออกมาเป็นเครื่องหอม เพื่อโลกสวรรค์ของพระเจ้าจะรับรู้
วว 8:3 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำออกมายืนอยู่ที่แท่น และทรงประทานเครื่องหอมเป็นอันมากแก่ทูตองค์นั้น เพื่อให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของวิสุทธิชนทั้งปวงบนแท่นทองคำที่อยู่หน้าพระที่นั่งนั้น และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของวิสุทธิชนทั้งหลาย จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า
คำอธิษฐานที่มาจากจิตวิญญาณเป็นเครื่องหอม เพื่อไร้รูปร่าง แต่สะท้อนเป็นกลิ่น สู่โลกฝ่ายวิญญาณ
นอกจากคำอธิษฐานสิ่งที่ทำมาจากจิตวิญาณทุกอย่างก็เป็นที่ถวายพระเจ้าเป็นกลิ่น
ฮบ 13:16 แต่อย่าลืมที่จะกระทำการดี และที่จะแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
2 คร 2:15 เพราะว่าเราเป็นกลิ่นอันหอมหวานของพระคริสต์จำเพาะพระเจ้า ในหมู่คนที่รอด และในหมู่คนที่พินาศ

อฟ 5:2 และจงดำเนินชีวิตในความรักเหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเรา และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเราให้เป็นเครื่องถวาย และเครื่องบูชาแด่พระเจ้าเพื่อเป็นกลิ่นสุคนธรสอันหอมหวาน
ในทางกลับกันโลกฝ่ายวิญาณด้านมืดก็รับสิ่งที่เป็นกลิ่นด้วย
2 คร 2:16 ฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นแห่งความตายซึ่งนำไปสู่ความตาย และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นหอมแห่งชีวิตซึ่งนำไปสู่ชีวิต


การจะเข้าสู่พิธีที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญาณจึงต้องมีกลิ่นประกอบ
ไม่ว่าการเข้าหาพระเจ้า ก็ต้องแกว่งเครื่องหอมที่มีกลิ่น
หรือการทำธุระกับเหล่าวิญาณชั่วก็เรียกผีด้วยกลิ่นธูป
อสค 6:13 และเจ้าจะทราบว่าเราคือพระเยโฮวาห์ เมื่อคนที่ถูกฆ่านอนอยู่ท่ามกลางรูปเคารพของเขารอบแท่นบูชาของเขา บนเนินเขาสูงทุกแห่ง บนยอดเขาทั้งสิ้น ที่ใต้ต้นไม้เขียวทุกต้น และใต้ต้นโอ๊กใบดกทุกต้น ไม่ว่าที่ใดๆที่เขาถวายกลิ่นที่พึงใจแก่รูปเคารพทั้งสิ้นของเขา




สรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้างจึงสร้างให้มีกลิ่นและสิ่งเหล่านั้นแยกว่าหอมหรือเหม็น
ใครเซนต์ฝ่ายวิญาณดีๆ จะสัมผัสถึงกลิ่น ว่าที่นี่พระวิญาณสถิตย์อยู่หรือมีแต่ภูผี หรือมีกลิ่นการล่วงประเวณี เช่นเดินเข้าไปในโรงแรมม่านรูดจะได้กลิ่นของการล่วงประเวณี    กลิ่นสาปผีโสโครกแถวป่าช้า   ห้องที่มีกลิ่นความเหม็นอับชื้นของวิญาณ ความขี้เกียจ  กลิ้นตัวจากของมลทินที่ทานเข้าไป  เช่นท่านทานสุนัขเข้าไป  สุนัขปรกติได้กลิ่นมันจะเห่าท่าน  เพราะมีสุนัขอยู่ในตัวท่าน   ความกลิ่นเป็นสิ่งที่สะท้อนสภาพฝ่ายวิญาณ  ในทางหลักวิทยาศาตร์ กลิ่นมาจากเหล่าสะสารละเหยที่วัดน้ำหนักไม่ได้
สิ่งที่เน่าเหม็นก็ไม่สามรถทำให้หอมได้ เพราะกลิ่นจะกระตุ้นกับสมองโยตรงว่านี่คือหอมสดชื่นหรือเหม็น 


ถ้าคุณได้ไปอยู่ในที่ไร้รูปเคารพ ท่ามกลางธรรมชาติ ร่างกายได้รับกลิ่นที่ดี มันก็ช่างเจริญจิตในจิตวิญญาณ จิตใจพองโตไปทุกส่วน

ขณะที่เดินอยู่ท่านเจอศาลพระภูมิตั้งเรียงราย กลิ่นจะเริ่มไม่สดชื่น ไม่มีใครกล้าสูดกลิ่นจากลมนั้นเข้าไปเต็มปอด  ลึกๆอาจจะกลัววิญญาณเหล่านั้นเข้าไปในร่างกาย  ท่านจะไม่รู้สึกสดชื่นเอาเสียเลย 


เพราะตอนที่พระเจ้าสร้างมนุษย์นั้นพระองค์ระบายลมหายใจของพระองค์เข้ามาในร่างกายมนุษย์
ในศูนย์ยากาศ มีจิตวิญญาณอีกมิติหนึ่งที่คู่ขนานไปกับเรา

เป็นเรื่องของโลกที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสด้วยกลิ่น
กลิ่นเป็นอีกสิ่งที่มองไม่เห็นแต่จะอยู่ถึงโลกธาตุแตกสลายไปแล้ว ไฟของพระสิริพระเจ้าจะเผา การงานและทุกสิ่งเพื่อเป็นกลิ่นพิสูจน์การงานเหล่านั้นอยู่

chana chaiprasert

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น