ควรเปลี่ยนชื่อวันอิสเตอร์ เป็นวันแห่งการถวายผลแรก
วันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์เป็นวันที่เปี่ยมด้วยความหมายแห่งชัยชนะ ซึ่งผู้เชื่อได้รับความหวังใจในชีวิต ทั้งชีวิตในโลกนี้และโลกหน้า ผู้เชื่อ
ว่าจะได้ฟื้นขึ้นเช่นพระเยซู 1 ปต 1:21 เพราะพระคริสต์ท่านจึงเชื่อในพระเจ้า ผู้ทรงบันดาลพระคริสต์ให้ฟื้นจากความตาย และทรงประทานสง่าราศีแก่พระองค์ เพื่อให้ความเชื่อและความหวังใจของท่านดำรงอยู่ในพระเจ้า
และการฟื้นขึ้นครั้งนี้เองเป็นประกาศชัยชนะเหนือความบาป เพราะผลความบาปคือความตาย พระองค์ทรงรับความตายเพื่อผู้เชื่อนั้นจะได้ชีวิต หลุดพ้นจากพันธนาการ การปรักปรำของบาป
1คธ 15, 54 เมื่อสิ่งซึ่งเปื่อยเน่านี้จะสวมซึ่งไม่เปื่อยเน่า และซึ่งจะตายนี้จะสวมซึ่งไม่รู้จักตาย เมื่อนั้นตามซึ่งเขียนไว้แล้วจะสำเร็จว่า `ความตายก็ถูกกลืนไปด้วยการมีชัย'
55 โอ ความตาย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน โอ หลุมฝังศพ ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน
56 เหล็กไนของความตายนั้นคือบาป และฤทธิ์ของบาปคือพระราชบัญญัติ
57 แต่จงขอบพระคุณแด่พระเจ้า ผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ชีวิตหลังความตายเป็นชีวิตที่ได้รับชัยชนะ และผู้ติดตามนามของพระคริสต์ก็จะมีชัยชนะร่วมกับพระองค์
ฟป2,8 และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน
9 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูงที่สุดด้วย และได้ทรงประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์
10 เพื่อ `หัวเข่าทุกหัวเข่า' ในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกก็ดี ใต้พื้นแผ่นดินโลกก็ดี `จะต้องคุกกราบลง' นมัสการในพระนามแห่งพระเยซูนั้น
11 และเพื่อ `ลิ้นทุกลิ้นจะยอมรับ' ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา
และผู้เชื่อถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมร่วมกับพระองค์ด้วยความเชื่อถึงชัยชนะนั้น และไม่เป้นทาสของบาปอีกต่อไป
รม 4:25 คือพระองค์ผู้ทรงถูกมอบไว้เพราะการละเมิดของเรา และได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม
เหล่านี้คือคำนำและความหมายเบื้องต้นที่ผู้เชื่อควรทราบและตระหนัก เป็นสิ่งที่พระเจ้าหยิบยื่นให้
ชัยชนะของพระเยซูคริสต์นั้นพระเจ้าได้กำหนดเอาไว้อย่างมีขั้นตอนในแผนการของพระองค์
ไม่ใช่เป็นชัยชนะที่สร้างขึ้นโดยบังเอิญ แต่ถูกออกแบบ โดยพระเจ้า
เพื่อการลำลึกถึงอย่างมีความหมายเราจึงมาศึกษาเรียนรู้กันว่า พระเจ้าทรงวางแผนการอย่างไร
และต้องการให้ประชากรของพระองค์ตอบสนองอย่างไร เพื่อรับพระพรเต็มที่ในวันแห่งชัยชนะนี้
และไม่ถูกปล้นพระพรไปด้วยการหลงไปกับการนมัสการปรนนิบัติรูปเคารพ ซึ่งทำให้พระเจ้าเสื่อมเกียรติ
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกอิสราเอลออกจาการเป็นทาสนั้น
พระองค์ทรงกำหนดวันเวลาเอาไว้ใน
(อพย 12) นั่นคือวันที่ 14 ของเดือนแรก (เดือนนิสา) เป็นเทศกาลปัสกา
ปัสกา Passover หรือชื่อเดิม เพซัค Pesach(ภาษาฮิบรู)
ชาวอิสราเอลจะฆ่าลูกแกะและเอาเลือดมาทาที่ประตู เพื่อให้มัจจุราชนั้นผ่านไป
คืนนั้นชาวอิสราเอลจะเลี้ยงกันโดยกินอาหารคือขนมปังไร้เชื้อและผักขม
คืนนั้นพระเจ้าทรงให้มัจจุราชสังหารบุตรหัวปีชาวอียิปต์ทุกคน
ซึ่งนำมาถึงการปลดปล่อยชาวอิสราเอลจากทาสเป็นไทย
โดยการเข้าร่วมปัสกานั้น ผู้ชายต้องผ่านการสุหนัตก่อนเท่านั้น
โดยการเข้าร่วมปัสกานั้น ผู้ชายต้องผ่านการสุหนัตก่อนเท่านั้น
ความหมายของปัสกา
อพย12,26 ครั้นสืบไปภายหน้าเมื่อลูกหลานของท่านถามว่า `พิธีนี้หมายความว่ากระไร'
7 ท่านทั้งหลายจงตอบว่า `เป็นการถวายสัตวบูชาปัสกาแด่พระเยโฮวาห์ ผู้ทรงผ่านเว้นบ้านของชนชาติอิสราเอลในอียิปต์
เมื่อพระองค์ทรงประหารคนอียิปต์ แต่ไว้ชีวิตครอบครัวของเราทั้งหลาย'"
แกะปัสกา หมายถึงพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นแกะบูชาถวายแดพระเจ้าเพื่อยกโทษบาป ยน 1:29 วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า "จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย
เลือด หมายถึงพันธสัญญาแห่งการช่วยกู้
เลือด หมายถึงพันธสัญญาแห่งการช่วยกู้

8เหตุฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น มิใช่ด้วยเชื้อเก่าหรือด้วยเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม แต่ด้วยขนมปังไร้เชื้อคือความจริงใจและความจริง
และเป็นขนมปังแห่งความรีบเร่งที่จะปลดปล่อยจากการเป็นทาส อพย12,39
และผักรสขม เพื่อละลึกถึงความขมขื่นแห่งการเป็นทาส
อพย12,24 ท่านทั้งหลายจงถือพิธีนี้ให้เป็นกฎถาวรของท่านและของลูกหลานท่าน
เปาโลได้ให้ทรรศนะว่าพิธีเทศกาต่างๆนั้นเป้นเงาที่เล็งถึงในอนาคต คศ2:16-17
ซึ่งปัสกานั้นก้เล็งถึงพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นแกะปัสกา
พระเยซูทรงร่วมพิธีนี้เสมอจนก่อนปัสกา สุดท้ายของพระองค์ที่จะมาถึง
กดว9,11 ให้ถือปัสกาในเดือนที่สองวันขึ้นสิบสี่ค่ำเวลาเย็น ให้เขากินขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม
เรามาดูช่วงเวลาของพระเยซูในเทสกาลปัสกาสุดท้ายนั้น
วันที่ 12 อีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกา มธ2:6-2 พระองค์ไปเตรียมบ้านสำหรับปัสกา
ในวันที่ 13 เดือนนิสาเริ่มนับเวลาหัวค่ำพระองค์ทรงร่วมหักขนมปังกับสาวกและกล่าวถึงพันธสัญญาใหม่ที่พระองค์โปรดประทานให้
คืนนั้นพระองค์ถูกจับ ไปไต่สวน และพระองค์ทรงถูกจับไปตรึงเป็นเสมือนแกะของปัสกา วันนั้นเป็นวันเตรียมปัสกา ยน19:14
ในวันที่ 14 (นับหลังดวงอาทิตย์ตกดิน) เป็นเวลาแห่งปัสกา และหลังจากวันปัสกาก็ เข้าสู่วันที่ 15 วันสะบาโต
วันที่ 16 เดือนนิสานคืนนั้นเป็นวันที่พระเยซูคริสตืฟื้นขึ้น
รวมพระองค์สิ้นพระชนม์วันที่ 13 คืนที่ 16 รวม 3 วัน 3 คืน
ฉะนั้นการกำหนดวันฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูจะไม่ตรงกับปฎิทินสากลในทุกปี
เพราะพระเจ้าทรงให้นับวันด้วยดวงจันทร์หรือที่เรียกว่าตามปฎิทินจันทรคตินั่นเอง
10 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้ามาถึงแผ่นดินซึ่งเราให้เจ้า และเกี่ยวพืชผลของแผ่นดินนั้น เจ้าจงเอาฟ่อนข้าวที่เกี่ยวในรุ่นแรกนำไปให้ปุโรหิต
11 และปุโรหิตจะนำฟ่อนข้าวนั้น แกว่งไปแกว่งมาถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เพื่อเจ้าจะเป็นที่โปรดปราน รุ่งขึ้นหลังวันสะบาโตปุโรหิตจะแกว่งถวาย
วันที่พระเยซูฟื้นเป็นวันหลังจากสะบาโต ความหมายจึงเป็นการถวายผลแรกแด่พระเจ้า เราควรเรียกว่าวันถวายผลแรก ไม่ใช่วันอิสเตอร์
10 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้ามาถึงแผ่นดินซึ่งเราให้เจ้า และเกี่ยวพืชผลของแผ่นดินนั้น เจ้าจงเอาฟ่อนข้าวที่เกี่ยวในรุ่นแรกนำไปให้ปุโรหิต
11 และปุโรหิตจะนำฟ่อนข้าวนั้น แกว่งไปแกว่งมาถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เพื่อเจ้าจะเป็นที่โปรดปราน รุ่งขึ้นหลังวันสะบาโตปุโรหิตจะแกว่งถวาย
วันที่พระเยซูฟื้นเป็นวันหลังจากสะบาโต ความหมายจึงเป็นการถวายผลแรกแด่พระเจ้า เราควรเรียกว่าวันถวายผลแรก ไม่ใช่วันอิสเตอร์
ความเปลี่ยนแปลง ที่ทำให้วันแห่งการถวายผลแรกเป็นวันที่เอาการนมัสการรูปเคารพมาเกี่ยวข้อง
เมื่อการประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์ไปถึงชาวโรมและได้เกิดการยอมรับขึ้นใน คศ 300
ชาวโรมได้พยายามรวมความเชื่อระหว่างลัทธิ มิทรา (บูชาเทพเจ้า) กับความเชื่อของพระเจ้าเข้าด้วยกัน
เช่นการเปลี่ยนเพื่อนมัสการพระเจ้า ดดยเปลี่ยนไปใช้วันอาทิตย์ซึ่งชาวโรมหยุดเพื่อนมัสการสุริยะเทพ
การลบล้างประเพณีเทศกาลของอิสราเอลและใส่ประเพณีของโรมมันเข้าไปแทน ทั้งนี้เพื่อจะสร้างศาสนาใหม่คือศาสนาโรมมันคาทอลิก
ประเพณีเทศกาลของวัตนธรรมโรมจึงเข้ามามีบทบาทกับผู้เชื่อ
เช่นเทศกาลคริสมาส ดัดแปลงมาจากการนมัสการเจ้าพ่อทัมมุสสุริยะเทพ และเทศกาลบูชาเทพีอิสเตอร์ ใช้เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์
เทพีอิสเตอร์ คือเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีเทพีประเภทนี้แต่ถุเรียกในชื่อต่างๆกันไป เช่นกรีกเรียก อาเทมีส คนไทยเรียกเจ้าแม่โพสพ
อิสเตอร์เป็นชื่อเรียกเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์นี้จากทางยุโรบ ซึ่งช่วงเทศกาลอิสเตอร์จะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับปัสกา เพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวและถวายผลแรก
หากเรานมัสการอิสเตอร์ก็เท่ากับถวายผลแรกให้เทพอิสเตอร์
อิสเตอร์มีสัญลักษณ์ในการนมัสการคือไข่ หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เช่นเดียวกับอาเทมีส ซึ่งผู้เชื่อในพระเจ้านิยมมาเล่นในคริสตจักร ซึ่งแท้จริงคือรูปแบบการนมัสการเทพเจ้าอิสเตอร์ เมื่อนมัสการเจ้าแม่อิสเตอร์ พระพรก็ไปแล้ว
และอิสเตอร์มีหัวเป็นกระต่าย หมายถึงเป็นเทพีแห่งเพศ (กระต่ายร่วมเพศได้ทุกฤดูกาล ) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเพลบอยเช่นกัน เป็นความหมายว่ามีกำลังร่วมเพศสร้างลูกหลาน
และอิสเตอร์มีหัวเป็นกระต่าย หมายถึงเป็นเทพีแห่งเพศ (กระต่ายร่วมเพศได้ทุกฤดูกาล ) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเพลบอยเช่นกัน เป็นความหมายว่ามีกำลังร่วมเพศสร้างลูกหลาน
อิสราเอลก็มีการนับถือพระเเม่ประเภทนี้อยู่ ใช้ชื่อว่า พระ อัชทาโรท หรือเจ้าแม่แห่งฟ้าสรรค์ เป็นเทพประทานพรแก่ผลผลิต
วนฉ 2:13 เขาทั้งหลายละทิ้งพระเยโฮวาห์ไปปรนนิบัติพระบาอัล และพวกพระอัชทาโรท
วนฉ 10:6 คนอิสราเอลก็กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์อีก ไปปรนนิบัติพระบาอัล พระอัชทาโรท พวกพระของเมืองซีเรีย
เหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนต่อพระเจ้า
ยรม 44:17 แต่เราจะกระทำทุกสิ่งที่เราได้พูดไว้ คือเผาเครื่องหอมถวายเจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ และเทเครื่องดื่มถวายแก่พระนางเจ้าดังที่เราได้กระทำ ทั้งพวกเราและบรรพบุรุษของเรา บรรดากษัตริย์และเจ้านายของเรา ในหัวเมืองยูดาห์และในถนนหนทางกรุงเยรูซาเล็ม ทำอย่างนั้นแล้วเราจึงมีอาหารบริบูรณ์และอยู่เย็นเป็นสุข และไม่เห็นเหตุร้ายอย่างใด
18ตั้งแต่เรางดการเผาเครื่องหอมถวายเจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ และเทเครื่องดื่มถวายแก่พระนางเจ้า เราก็ขัดสนทุกอย่าง และถูกผลาญด้วยดาบและด้วยการกันดารอาหาร
ยรม 7:18 พวกเด็กๆก็เก็บฟืน พวกพ่อก็ก่อไฟ พวกผู้หญิงก็นวดแป้ง เพื่อทำขนมถวายแด่เจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ และเขาเทเครื่องดื่มบูชาถวายแด่พระอื่นๆ เพื่อยั่วยุให้เราโกรธ"
ศาสนาโรมันคาทอลิกได้เอาเทศกาลเหล่านี้ผนวกกับเทศกาลของพระเจ้าคือปัสกา
และเอาปัสกาทิ้งไป แต่เอาเนื้อหาของพระคริสต์ อ้าง ผสมกับการนมัสการเทพีอิสเตอร์ ทำให้ผู้เชื่อ งง จนแยกไม่ออก
ซาโลมอนแม้นมีสติปัญยายัง ตามพระเหล่านี้ไป
1 พกษ 11:5 เพราะซาโลมอนทรงดำเนินตามพระอัชโทเรท พระแม่เจ้าของคนไซดอน และตามพระมิลโคมสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของคนอัมโมน
ในยุคสมัยของการปฎิรูปศาสนาโดยมาตินลูเธอร์ ได้เกิดความเชื่อแบบโปรแตสแตนท์ขึ้นมา
แต่คริสตจักรโปรแตสแตนท์ ก็ยังคงรับวัฒนธรรมเหล่านี้ เพราะรากความเชื่อต่างๆมาจากโรมมันคาทอลิก
หากเราเป็นผู้เชื่อที่ไม่อยากเดินในสิ่งที่พระเจ้าสะอิดสะเอียน ก็ถึงเวลาที่ต้องปฎิวัติตัวเอง
ปฎิวัติพระเพณี ที่ผิดเพื่อนำสิ่งที่ถูกต้องกลับมา การรับขนมปังและน้ำองุ่น ในเทศกาลการปัสกา เพื่อระลึกถึงพระคริสต์ผู้เป็นเป้าหมายปัสกา
มีความหมายมากกว่าเอาไข่ไปซ่อนแน่นอน
เมื่อเรารู้ความจริงแล้วการตอบตอบสนองก็มีแค่เปลี่ยนแปลงหรือยอมให้หลอกกันต่อไปเท่านั้น
เมื่อเรารู้ความจริงแล้วการตอบตอบสนองก็มีแค่เปลี่ยนแปลงหรือยอมให้หลอกกันต่อไปเท่านั้น