วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

ปรากฎการณ์ คำพยากรณ์ดวงจันทร์สีเลือด


ปรากฎการณ์ คำพยากรณ์ดวงจันทร์สีเลือด 

ลก21:25 จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ที่ดวงจันทร์ และที่ดวงดาวทั้งปวง และบนแผ่นดินก็จะมีความทุกข์ร้อนตามชาติต่างๆ ซึ่งมีความฉงนสนเท่ห์เพราะเสียงกึกก้องของทะเลและคลื่น

26 จิตใจมนุษย์ก็จะสลบไสลไปเพราะความกลัว และเพราะสังหรณ์ถึงเหตุการณ์ซึ่งจะบังเกิดในโลก ด้วยว่า `บรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้านไป'
27 เมื่อนั้นเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและสง่าราศีเป็นอันมาก



หมายสำคัญของการเสด็จมาของพระเยซู ที่พระองค์ให้สังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ดวงดาวทั้งปวงบนท้องฟ้า
และมีการกล่าวถึงทั้งใน คำพยากรณ์ของโยเอล คำอ้างของเปโตรในกิจการ และพระธรรมวิวรณ์  ต่างกล่าวถึง "ดวงจันทร์สีเลือด"

ดวงจันทร์สีเลือดเราอาจจะเคยเห็นบ่อยๆ แต่ ที่เราต้องมาทำความสนใจสักหน่อยนั้นคือ ปรากฎการณ์ที่เรียกว่า   Tetrad หรือ  Lunar Tetrad  ปรากฎการณ์นี้คือ เทศกาลของพระเจ้าที่กำหนด ใน2ปีนั้น จะปรากฎดวงจันทร์สีเลือด เต็มดวงอย่างน้อย 4 เทศกาล  และบางครั้งก็เกิดสุริยุปราคาปรากฎด้วย จะถูกกำหนดว่าเป็นปรากฎการ Tetrad


ทุกครั้งที่เกิดเหตุการที่เรียกว่า 
 Tetrad  นี้ จะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นเสมอท่ามกลางคนอิสราเอล


ผมย้อนไปให้ดูปรากฎการณ์ Tetrad ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพราะว่าเราสามารถคำนวนระบบของดวงจันทร์ได้แล้ว อีกประโยชน์หนึ่งก็คือทำให้เราทราบวันเวลาที่แท้จริงของเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ได้ด้วย

ตั้งแต่ก่อนเริ่มกำหนดเทศกาลแล้ว ก็มีเหตุการณ์ Tetrad เกิดขึ้น เรามาเริ่มกันที่ปีที่น้ำท่วมโลกปีนั้นเกิดปรากฎการณ์นี้ขึ้น


นอกจากนั้นปีที่อิสราเอล อพยพ จากคานาอันเข้าสู่อียิปต์ ก็เป็นปรากฎการณ์Tetradปีที่ยาโคบเสียชีวิต ท่านได้พยากรณ์ถึงการเสด็จมาของพระมาซีฮา ก็เกิดปรากฎการณ์Tetradแต่ในช่วงเวลานั้นยังไม่มีการกำหนดเทศกาลของพระเจ้าขึ้น  และเทศกาลของพระเจ้านั้นกำหนดด้วยดวงจันทร์  ตั้งแต่เริ่มที่พระเจ้าทรงกำหนดเทศกาลขึ้น เทศกาลแรกคือ ปัสกา ซึ่งเริ่มที่อียิปต์ ใน อพยพ บทที่ 11 ปีนั้นเกิดเหตุการณ์ Tetrad ขึ้นด้วย ในคืนวันปัสกานั้นเอง ดวงจันทร์เป็นสีเลือด พร้อมกับมัจจุราชที่มาคร่าชีวิตบุตรหัวปีของอียิปต์ทั้งคนและสัตว์ทั่วแผ่นดิน  ในปีนั้นเอง เกิดเทศกาลชาวูโอท หรือเพนเทคเต พระเจ้าทรงประทานพระราชบัญญัติและ ลงมาเยี่ยมเยียนประชากรพระองค์  เป็นปีที่ชาวอิสราเอลพบกับประสบการณ์กับพระเจ้าหลายอย่างท่ามกลางการเดินทางในทะเลทรายเพื่อไปสู่แผ่นดินคานาอัน
นอกจากนั้นปีที่มีการเจิมกษัตริย์ ซาอูล ดาวิด และซาโลมอน ก็มีปรากฎการณ์ Tetrad
ปีที่กษัตริย์อันทิโอกัสที่ 4 นำรูปปั้นซุสเข้าไปในวิหารพระเจ้า (สิ่งสะอิดสะเอียน) และ ยูดาส เเมกคาบี
ได้กบฎ ขับไล่กรีก  จนมีเทศกาลแห่งแสงสว่างขึ้น (Hanukkah-tetrad ) ในปี 168 BC   ปีนั้นก็เป็นปรากฎการณ์ของ Tetrad

ในปีที่สิ้นพระชนม์ของพระเยซูเกิดปรากฎการณ์ 
Tetrad เช่นกัน ในปี AD 32-33



วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 32 เกิดพระจันทร์สีเลือดในวันปัสกา
วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 32 พระจันทร์สีเลือดในเทสกาลอยู่เพิง
วันที่  3 เมษายน ค.ศ. 33 พระเยซูสิ้นพระชนม์ (ความมืดปกคลุม 3ชม. มธ 27:45)เกิดสุริยุปราคา
ในคืนวันเดียวกัน เป็นเทศกาลปัสกา ดวงจันทร์เป็นสีเลือด
วันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 33  ดวงจันทร์เป็นสีเลือด เทศกาลอยู่เพิง


หลังจากที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรคืแล้วก็มี ปรากฎการณ์  Tetrad เกิดขึ้นอีกหลายครั้งซึ่งล้วนมีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นกับคนยิว
เช่นปี 70 กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายลง วิหารของพระเจ้าพังทลาย ชาวยิวล้มตายนับล้านและไร้ประเทศ
และต้องกระจายไปทั่วโลก








นอกจากนั้น
ปี 162-163   การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อีกครั้ง ผู้คนล้มตายทั้งประเทศ โดยอณาจักรโรมมันเป็นผู้กวาดล้าง เพื่อจะลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่ เปลี่ยนชื่อดินแดนนี้ไปเป็นปาเลสไตน์



1493-1494 เป็น ปรากฎการณ์  Tetrad ที่เลวร้ายที่สุดอีกครั้งเมื่อชาวยิวถูกไล่ออกจากประเทศสเปน ชาวยิว 200,000 คนโดนไล่ออกจากสเปน หรือเรียกว่าโดนไล่ฆ่ากัน  หลายหมื่นคนถูกปล่อยให้ลอยในทะเลหลายคนถูกฆ่า เพราะมีข่าวว่าชาวยิวที่อพยต้องกลืนเพชรและทองเพื่อจะเดินทางหนี จึงถูกชาวสเปนและชาวประเทศต่างๆฆ่าเพื่อเอาเพชรเอาทองในท้องคนยิว
1492 เป็นปีที่โคลัมบัส พบประเทศอเมริกา เช่นกัน เป็นบ้านของชาวยิวพลัดถิ่นกว่า 5ล้าน ที่อาศัยอยู่




1949 - 1950 ประเทศอิสราเอลเกิดใหม่อีกครั้ง ในวันที่  14 พฤษภาคม 1948  ทันทีที่ประกาศอิสรภาพ อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมากองทัพอียิปต์อียิปต์จอร์แดนซีเรียเลบานอนและอิรักบุกเข้ามา และเป็นสงครามที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน เป็น ปรากฎการณ์  Tetrad ที่ชาวอิสราเอลต้องทำสงครามป้องกันประเทศครั้งแรก  หลังจากประเทศหายไปจากแผนโลกที่กว่า 2,000 ปี


1967-1968 
ปรากฎการณ์  Tetrad เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในปีนั้นตรงกับ ปี จูบิลี่ หรือปีสะบาโตใหญ่ด้วย ซึ่งจะมีพระพรใหญ่ตามพระสัญญาของพระเจ้า  และปี 1968 ชาติอาหรับทั้งหมดได้รวมตัวกันเพื่อจะต่อสู้อิสราเอล  ทั้งอียิปต์ ซีเรีย จอห์แดน เลบานอน โดยมีอิรัก อิหร่าน หนุนหลังอย่างเข้มเเข็ง    แต่พ่ายแพ้  ภายในเวลาแค่หกวันที่ทำการเท่านั้น ซึ่งผลของสงครามทำให้อิสราเอลยึดที่ราบโกลันได้และได้คาบสมุทรซีนาย อิสราเอลขยายอณาเขตกว้างออกไปอีกหลายเท่า ส่วน ที่เยรูซาเล็มอิสราเอลยึดได้เบ็ดเสร็จ แต่ต้องยอม ถอยหลักมาแค่ที่กำแพงวิหารทิศตะวันตก (กำแพงร้องให้) ตามมติสหประชาชาติ



2014 - 2015  ปรากฎการณ์  Tetrad สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น
เมื่อเทียบกับทุก ปรากฎการณ์  Tetrad ที่เคยเกิดหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์



ซึ่งในปรากฎการณ์รอบนี้ เริ่มด้วยสงครามที่ซีเรีย และกลุ่มก่อการร้ายที่รวมตัวกันขึ้น อย่าง isis ซึ่งก็ยังไม่มีผลกระทบมากนักสำหรับอิสราเอล ในปี 2017 เริ่มมีความไม่สงบบางอย่าง ก่อตัวขึ้นต่อต้านอิสราเอลในระดับโลก เมื่อนายโดนัลทรัมป์  ปธน สหรัฐอเมริกา รับรอง เยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอล 

อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เพราะปี 2018 เป็นปีจูปิลี่ (สะบาโตใหญ่) เป็นปีแห่งพระพรใหญ่ ของพระเจ้าซึ่งเกิดทุก 50 ปี  (อดีต 50 ปีก่อน 1967 อิสราเอลชนะสงครามหกวัน) หลังจากการพักสงบในสะบาโตใหญ่แล้ว เราคงจะต้องจับตาที่เยรูซาเล็มอย่างจริงจัง  ว่าคำพยากรณ์ใดในพระคัมภีร์จะเกิดขึ้นอีก


จากความรู้ ณ ตอนนี้จึงสรุปแบบนี้ว่า
ปรากฎการณ์ Tetrad ป็นปรากฎการณ์แจ้งเตือนที่สำคัญของหมายสำคัญ
เกี่ยวกับชนชาติอิสราเอล 


อาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับ ดวงจันทร์สีเลือด ซึ่งอ้างใน
 ยอล 2:31 ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นความมืด ดวงจันทร์เป็นเลือดก่อนวันใหญ่ยิ่งและน่าสยดสยองแห่งพระเยโฮวาห์จะมาถึง
 
กจ 2:20 ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์จะกลับเป็นเลือด ก่อนถึงวันใหญ่นั้น คือวันใหญ่ยิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า วว 6:12 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หกนั้นแล้ว ดูเถิด ข้าพเจ้าก็ได้เห็นแผ่นดินไหวใหญ่โต ดวงอาทิตย์ก็กลายเป็นมืดดำดุจผ้ากระสอบขนสัตว์ และดวงจันทร์ก็กลายเป็นสีเลือด


ทั้งสามข้อนี้กล่าวเฉพาะถึงดวงจันทร์สีเลือดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พระคริสต์เสด็จมาเท่านั้น



ขอพระเจ้าอวยพระครับ ชาโลม
31 มกราคม 2018 (วันซุปเปอร์มูนสีเลีอด)
ชนะ ชัยประเสริฐ



วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2561



ประมวลเหตุการณ์ การเสด็จมาผ่านทางข้อพระคัมภีร์

การพยากรณ์ของพระคัมภีร์มีหลายที่หลายแห่งที่นั่นนิดที่นี่หน่อย ตามสไตล์การเปิดเผยของพระเจ้า แบบบรรทัดซ้อนบันทัดกฎซ้อนกฎที่นั้นนิดที่นี่หน่อย
ทำให้คนที่ตั้งใจศึกษาต้องควานหาทั้งเล่มเเละต้องจดจำไว้  และนำมาเขียนเป็น Time line  แล้วจึงเอาข้อพระคัมภีร์ที่พยากรณ์นั้นใส่เข้าไป  บางที่ก็ยากมากสำหรับหลายๆท่าน
ผมตั้งใจไว้หลายรอบที่จะประมวลพระธรรมวิวรณ์ไว้ให้ศึกษา ช่วงนี้ข่าวการสร้างวิหารเริ่มชัดเจนเหลือเกิน ตอนนี้ก็ประมวลเป็นเหตุการต่างๆที่ถูกพยากรณ์ เอาไว้ ในเรื่องเหตุการณ์ก่อนเสด็จมา มาเรียบเรียงให้อ่านก่อน พระเจ้านั้นอยากเปิดเผยแก่คนของพระองค์มาก  เรียกว่าละเอียดพอสมควรเลย ว่าจะมีหมายสำคัญอะไรก่อนวันเสด็จมา  ฉะนั้นเราสามารถทราบได้ว่า ช่วงเวลาไหน  ใครมาบอกว่าวันนั้นโมงนั้นไม่มีใครรรู้ไม่ต้องศึกษาหรอก เป็นความคิดที่พลาดมหันต์  เพราะถ้าศึกษา วันนั้นโมงนั้นไม่รู้ก็จริงแต่สัปดาห์ไหนช่วงไหน รู้ได้แน่นอนครับ

ผมขอมาจัดลำดับพระคัมภีร์ตามเหตุการณ์นะครับ เป็นเบื้องต้น
 
ดนล. 9:26 ที่สุดปลายของมันจะมาถึงด้วยน้ำท่วม จนกระทั่งที่สุดจะมีสงคราม มีความวิบัติที่กำหนดไว้

27 ท่านจะทำพันธสัญญาเข้มแข็งกับคนเป็นอัน มากอยู่หนึ่งสัปตะ (7ปี)
  
2 ธส 2:3 อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึง เว้นแต่จะมีการล้มลงเสียก่อน และคนแห่งการบาปนั้นจะประจักษ์แจ้ง คือลูกแห่งความพินาศ
ดนล 11. 31 กองทัพของเขาจะมาทำสถาน นมัสการ คือป้อมปราการให้เป็นมลทินและจะให้ เลิกเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์นั้นเสีย และเขาทั้งหลายจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติขึ้น

มธ 24. 15 "เหตุฉะนั้นเมื่อท่านทั้ง หลายเห็นสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติ ตามพระวจนะที่ตรัสโดยดาเนียลผู้เผยพระวจนะนั้น ตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด)16 เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา
ยอล 1:15 อนิจจาหนอวันนั้น เพราะวันแห่งพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว วันนั้นจะมา เป็นการทำลายจากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ยอล

2:2 เป็นวันแห่งความ มืดและความมืดครึ้ม เป็นวันที่มีเมฆและความมืดทึบ ประชากรจำนวนมากและมีกำลังยิ่ง ปกคลุมอยู่บนภูเขาดำทะมื่นไปมด ตั้งแต่สมัยโบราณก็ไม่เคยมีเหมือนอย่างนี้ และตั้งแต่นี้ไปก็จะไม่มีอีก ตลอดปีทั้งหลายชั่วชาติพันธุ์
ศคย12 2 "ดูเถิด เรากำลังจะทำกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นถ้วยน้ำเมาสำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลายที่ อยู่ล้อมรอบ ถ้วยนั้นจะอยู่เหนือยูดาห์เมื่อกรุงเยรูซาเล็มูกล้อม3 ในวันนั้น เราจะกระทำให้เยรูซาเล็มเป็นศิลาหนักแก่บรรดาชนชาติทั้งหลาย ผู้ใดที่พยายามยกหินนั้นขึ้นจะกระทำให้ตัวเราเองบาดเจ็บอย่างาหัส และประชาชาติทั้งสิ้นในพิภพจะสมทบกันสู้เยรูซาเล็ม
วว.10. 14 เสียงนั้นสั่งทูตสวรรค์องค์ที่หกที่ถือแตรนั้นว่า "จงแก้มัดทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ถูกมัดไว้ที่แม่น้ำใหญ่นั้น คือแม่น้ำยูเฟรตีส"15 พระเจ้าทรงเตรียมทูตสวรรค์ทั้งสี่ไว้สำหรับชั่วโมง วัน เดือนและปี ที่จะให้ฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน
16 และมีพลทหารม้าสองร้อยล้าน นี่คือจำนวนที่ข้าพเจ้าได้ยิน
วว16.12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของ ตนลงที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรตีสทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก13 และข้าพเจ้าเห็นผีโสโครกสามตนรูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค ออกจากปากสัตว์ร้ายนั้น และออกจากปากคนที่ปลอมตัวเป็นผู้ผยพระวจนะ14 ด้วยว่าผีเหล่านั้นเป็นผีร้ายกระทำหมายสำคัญ มันออกไปหากษัตริย์ทั้งปวงทั่วพิภพ เพื่อให้บรรดากษัตริย์เหล่านั้นร่วมกันทำสงคราม ในันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด15 (นี่แน่ะ เราจะแอบย่องมาเหมือนขโมย ผู้ที่ตื่นอยู่และรักษาเสื้อผ้าของตนไว้อย่างดีจะเป็นสุข เพราะว่าเขาไม่ต้องเดินเปลือยกายให้คนทั้งลายเห็น)16 และมันทั้งสามได้ชุมนุมพวกกษัตริย์ที่ตำบลหนึ่ง ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่าอารมาเกดโดน
ศคย14.1 ดูเถิด วันแห่งพระเยโฮวาห์มาใกล้แล้ว เมื่อทรัพย์สินที่เขาริบไปจากเจ้านั้น เขาจะแบ่งกันท่ามกลางเจ้า2 เพราะเราจะรวบรวมประชาชาติทั้งสิ้นให้ทำศึกกับเยรูซาเล็ม เมืองนั้นจะถูกยึด บ้านเรือนจะถูกปล้นสะดมและผู้หญิงจะถูกข่มขืน พลเมืองครึ่งหนึ่งจะตกไปเป็นเชลย ประชาชนส่วนที่เหลืออยู่จะไม่ถูกตัดออกเสียจากเมือง3 แล้วพระเยโฮวาห์จะเสด็จออกไปต่อสู้กับประชาชาติเหล่านั้น เหมือนเมื่อพระองค์ทรงต่อสู้ในวันสงคราม

4 ใน
วันนั้นพระบาทของพระองค์จะยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่หน้าเมืองเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศนั้นจะแยกออกตรงกลางจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยมีหุบเขากว้างมากคั่นอยู่ ภูเขาครึ่งหนึ่งจึงจะถอยไปทางเหนือ และอีกครึ่งหนึ่งจะถอยไปทางใต้5 และท่านทั้งหลายจะหนีไปยังหุบเขาแห่งบรรดา


ภูเขา เพราะว่าหุบเขาแห่งบรรดาภูเขาจะมาจดอาซาลและท่านทั้งหลายจะต้องหนีไป อย่างที่หนีจากแผ่นดินไหวสมัยอุสซียาห์กษัตริย์ประเทศยูดาห์ แล้วพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าจะเสด็จมา และพวกวิสุทธิชนทั้งสิ้นจะมากับพระองค์6 ต่อมาในวันนั้นแสงสว่างจะไม่แจ่มใสหรือจะไม่มืดมัว
2ธส 2.8 ขณะนั้นคนนอกกฎหมายนั้นก็จะ ปรากฏตัวขึ้น และพระเยซูเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการปรากฏและการเสด็จมาของพระองค์ 9 คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ต่างๆ และหมายสำคัญ และการอัศจรรย์แห่งความเท็จ

วว19 .19 และข้าพเจ้าเห็นสัตว์นั้น และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งพลรบของกษัตริย์เหล่านั้น มาประชุมกันจะทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับพลโยธาของพระองค์20 สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ ที่ได้กระทำหมายสำคัญต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น และใช้หมายสำคัญนั้นล่อลวงนทั้งหลาย ที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น และบูชารูปของมัน สัตว์ร้ายและคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ 21 และคนที่เหลืออยู่นั้น ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ผู้ทรงม้านั้นเสีย และนกทั้งปวงก็กินเนื้อของคนเหล่านั้นจนอิ่ม
อสย 66:16 เพราะพระเยโฮวาห์จะทรงกระทำการพิพากษาด้วยไฟ และด้วยพระแสงของพระองค์เหนือเนื้อหนังทั้งสิ้น และผู้ที่พระเยโฮวาห์ทรงสังหารเสียจะมีมากมาย

ว 19:15 มีพระแสงคมออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงฟันฟาดบรรดานานาประชาชาติด้วยพระแสงนั้น และพระองค์จะทรงครอบครองเขาด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงเหยียบบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธอันเฉียบขาดของพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด

วว 19:21 และคนที่เหลืออยู่นั้น ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้านั้นเสีย และนกทั้งปวงก็กินเนื้อของคนเหล่านั้นจนอิ่ม

ยรม 46:10 วันนั้นเป็นวันแห่งพระเจ้าจอมโยธา เป็นวันแห่งการ แก้แค้น ที่จะแก้แค้นศัตรูของพระองค์ ดาบจะกินจนอิ่ม และดื่มโลหิตของเขาจนเต็มราบ เพราะองค์สมเด็จพระเจ้าจอมโยธา ทำการบูชา ในแดนเหนือข้างแม่น้ำยูเฟรติส
อสย 27.1 ในวันนั้น พระเยโฮวาห์จะทรงลงโทษด้วยพระแสงอันร้ายกาจ ยิ่งใหญ่ และแข็งแกร่งของพระองค์ต่อเลวีอาธาน ซึ่งเป็นพญานาคที่ฉกกัด คือเลวีอาธานพญานาคที่ขด และพระองค์จะทรงประหารมังกรที่อยู่ในทะเล

วว 20.2 และท่านได้จับพญานาค ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามารและซาตาน และล่ามมันไว้พันปี3 แล้วทิ้งมันลงไปในเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้น แล้วได้ลั่นกุญแจประทับตรา เพื่อไม่ให้มันล่อลวงบรรดาประชาชาติได้อีกต่อไป จนครบกำหนดพันปีแล้วหลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง


4 ข้าพเจ้าได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้น ทรงมอบให้เป็นผู้ที่จะพิพากษา และข้าพเจ้ายังได้เห็นดวงวิญญาณของคนทั้งปวงที่ถูกตัดศีรษะ เพราะเป็นพยานของพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเป็นผู้ที่ไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายนั้นหรือรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนเหล่านั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาพันปี5 แต่คนอื่นๆที่ตายแล้วไม่ได้กลับมีชีวิตอีกจนกว่าจะครบกำหนดพันปี นี่แหละคือการฟื้นจากความตายครั้งแรก
ผู้เขียนไม่ต้องเขียนความเห็นตัวเองอะไรเลย  เอาคำพยากรณ์จากพระคัมภีร์มาต่อกันก็รู้เรื่องได้  เป็นพระคัมภีร์เล่าเรื่องจากข้อหนึ่งสู่ข้อหนึ่ง

จะเห็นได้ว่า พระเจ้าเปิดเผยเต็มไปหมด ตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย บันทัดซ้อนบันทัด กฎซ้อนกฎ
จริงๆนี่เป็นเพียงมุมหนึ่ง คือ
มุมพยากรณ์ที่ถูกเรียง จากเรื่องเหตุการณ์ที่จะเกิดกับอิสราเอล เกี่ยวกับเหตุการเสด็จมาและสงคราม
นอกจากนั้นพระเจ้ายังเรียงเหตุการณ์ ผ่าน เรื่องตราแตรขัน  เป็นเรื่องเวลาในมุมมองที่แตกต่างกัน
เช่นตราของพระเจ้าเป็นมุมมองเรื่องการพยารณ์ที่จะเกิดขึ้นสำเร็จ
แตรของพระเจ้าเป็นหมายสำคัญในเรื่องการเตือนสู่กลียุค
และขันแห่งพระพิโรธ เป็นหมายสำคัญในเรื่องการพิพากษาในแต่ละช่วงและยังมีภาพเปรียบเทียบต่างๆเพื่อให้ผู้อ่านตีความ
ที่ว่าต้องตีความเพราะในสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะเห็น ท่านก็ไม่รู้จัก เช่นรถถัง จรวดมิสไซดน์
ก็ถูกแทนด้วยคำว่าม้า หรือแมลงที่มีแสงพ่นกำมะถัน  หรือต้องการบอกว่ามีประเทศหนึ่ง ก็จะพยายามแสดงภาพผ่านสัตว์ต่างๆ เพื่อบอกลักษณะของประเทศนั้นๆ  เรื่องเหล่านี้เนื้อหาเยอะมาก
โอกาสหน้าจะได้มาเขียนแบบละเอียดขึ้นแน่นอนครับ

ชาโลม
ชนะ ชัยประเสริฐ

วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561

นามและการนมัสการ



จากข้อพระคัมภีร์
"สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย"

จากการอ่านข้อนี้ทำให้ทราบว่า นามของพระเยซู ถูกยกขึ้นสูง ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต

เพราะอะไรจึงมีการกล่าวถึงนามในอนาคตด้วย? ตรงนี้ตั้งเป็นประเด็นให้คิดนะครับ

ประการแรกเลยคือ พระเจ้าสร้างสรรพสิ่งด้วยพระวาทะ
มนุษย์นั้นมีพระวาทะของพระเจ้าในชีวิตพระเจ้าระบายพระวิญญาณพระองค์ในมนุษย์
มนุษย์สามรถตั้งชื่อสัตว์ หรือเนรมิตรคำใหม่ๆได้ และเป็นคำวิเศษ ซึ่งแทนความหมายต่างๆ

ทูตสวรรค์ไม่มี   หรือสัตว์ ก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้

มนุษย์จึงสามารถเรียกสิ่งซึ่งไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้นได้ ถ้ามีความเชื่อ เท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด
ตรงนี้เป็นจุดเเข็งของมนุษย์ที่มีมากกว่าฑูตสวรรค์และเหล่าวิญญาณชั่ว
เมื่อวิญญาณชั่วมารบกวนท่านสั่งด้วยความเชื่อในนามพระเยซู มันจึงไป
นั่นเพราะท่านมีพระวาทะของพระเจ้าในชีวิต  อำนาจของพระเจ้า ที่ส่งผ่านมายังคนของพระเจ้า

ขณะเดียวกันมารก็ใช้จุดเเข็งนี้เป็นจุดอ่อน

เมื่อพระเจ้าแยกโลกทางฝ่ายเนื้อหนังความสว่างกับโลกความมืดทางฝ่ายวิญญาณออกจากกัน 
ฝ่ายวิญญาณมืดนั้นปารถนาอย่างยิ่งที่จะทะลุเข้ามา เพื่อครอบงำมนุษย์ทางฝ่ายเนื้อหนังที่มีพระวาทะของพระเจ้าในชีวิต  คือจ้องตะบบเลย

ทางที่จะเกิดขึ้นคือการสร้างนาม หรือสร้างตัวตนขึ้นในโลกฝ่ายเนื้อหนัง  และผู้ที่สร้างก็คือมนุษย์ที่มีพระวาทะของพระเจ้า

และมนุษย์ก็สร้างนามต่างๆขึ้น  และประดิษฐ์เป็นรูปเคารพ 
มีนามต่างๆเกิดขึ้นมาตลอดยุคสมัย  เกิดและดับไป  
และมนุษย์ก็แสวงหาที่จะสร้างนามไม่หยุดหย่อน
เพื่อนมัสการ

เหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่พระเจ้าสะอิดสะเอียน คือขยะแขยง รังเกียจ
พฤติกรรมเหล่านี้ 

เรามาโฟกัสดูในประเทศไทยของเรา มีนามต่างๆเกิดขึ้นมากมาย มาจากสองสาย  หนึ่งคือสายเทพ เช่น จัตุคาม รามเทพ  สยามเทวธิราช ฯลฯ เป็นนามบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เทพอาณาจักร ที่เข้ามาสวมและสร้างฤทธิเดชให้คนเชื่อศรัทธาและเดินตาม
สายที่สองคือสายมนุษย์ เช่น มีตั้งแต่ชื่อชาวบ้าน อย่าง แม่นากพระโขนง ไปจนถึงเชื้อพระวงค์กษัตริย์ และชื่อเกจิพระดังๆต่างๆ ซึ่งกลายเป็นรูปเคารพ

เกิดนามใหม่ๆขึ้น เพื่อให้คนเคารพศรัทธากราบไหว้นมัสการและปรนนิบัติ
นี่เป็นที่พึ่งทางใจของมนุษย์ มารพบจุดอ่อนนี้ และใช้ได้ผลเสมอมา

ทางอิสราเอล คนของพระเจ้าพบเจอปัญหารูปเคารพอยู่ตลอดเช่นกัน ตั้งแต่วัวทองคำ 
ส่วนการยกมนุษย์ที่ต้องตายขึ้นกราบไหว้  ก็มีเหตุการณ์เช่นกัน อยากให้พิเคราะห์เป็นอุทาหรณ์

เมื่อโมเสสตาย  ทันทีที่ตาย วิญญาณท่านออกจากร่าง  พระเจ้าส่งมีคาเอลคุ้มกัน
ซาตานมาทันทีเตรียมตะบบ  และเตรียมเกิดศึกชิงศพโมเสส
ยูดา 1:9 ฝ่ายอัครเทวทูตาธิบดีมีคาเอล ครั้นเมื่อท่านโต้เถียงกับพญามารเรื่องศพของโมเสส ท่านเองก็ยังไม่บังอาจตั้งข้อกล่าวหาอย่างเย้ยหยันต่อมารเลย ได้แต่เพียงกล่าวว่า "ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงห้ามเจ้าเถิด"

ร่างของโมเสส สำคัญไฉน ทำไมพระเจ้าต้องสั่งมาอารักษ์ขาและซ่อนไว้
ร่างโมเสส เป็นเรือนดิน ไม่มีความสำคัญเลย วิญาณไม่อยู่แล้ว

แต่เมื่อคนอิสราเอลนำมากราบไหว้  จะเกิดนามใหม่ขึ้นคือพระโมเสสเจ้า (สมมุติ)
อาจมีการขอหวย ขอพร ขอโชคลาภ บนบาน  และโมเสสเจ้าที่ประทานพรให้ ก็จะเป็นเหล่าวิญาณชั่วที่เข้ามา ในนามนั้น เพื่อครอบงำ อิสราเอล   ฉะนั้นพระเจ้าจึงเก็บร่างดินโมเสสไป  และฉะนั้นซาตานจึงรีบมาตะครุบศพโมเสสทันที

ในอสค 43:7-9 จึงกล่าวถึงศพที่ไร้ชีวิตว่า เป็นรูปเคารพ และพระองค์สะอิดสะเอียน
7 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย บัลลังก์ของเราและสถานที่วางเท้าของเราอยู่ที่นี่ เป็นที่ที่เราจะอยู่ท่ามกลางชนชาติอิสราเอลเป็นนิตย์ และวงศ์วานอิสราเอลจะไม่กระทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินอีก โดยตัวของเขาทั้งหลายเองหรือกษัตริย์ของเขาทั้งหลาย ด้วยการเล่นชู้ของเขาทั้งหลาย และด้วยศพของกษัตริย์ของเขาทั้งหลายในปูชนียสถานสูง


8 โดยการวางธรณีประตูของเขาทั้งหลายไว้ข้างธรณีประตูทั้งหลายของเรา โดยการตั้งเสาประตูของเขาทั้งหลายไว้ข้างเสาประตูทั้งหลายของเรา มีเพียงผนังกั้นไว้ระหว่างเรากับเขาทั้งหลายเท่านั้น เขาได้กระทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินด้วยการอันน่าสะอิดสะเอียนของเขาซึ่งเขาทั้งหลายได้กระทำ ดังนั้นเราจึงเผาผลาญเขาเสียด้วยความกริ้วของเรา

9 บัดนี้ให้เขาทิ้งการเล่นชู้ทั้งหลายของเขาและศพของกษัตริย์ทั้งหลายของเขาห้ห่างไกลจากเรา และเราจะอยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลายเป็นนิตย์
ฉะนั้นทันทีที่เสียชีวิต ร่างนั้นว่างเปล่า ไว้อาลัยและทิ้
งกลับเป็นดิน
หรือนำร่างนั้นนำมาไหว้ สร้างนามใหม่ ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวใจ มีนามใหม่เกิดขึ้น เป็นที่อาศัยของเหล่าวิญาณชั่ว นั่นจึงเป็นรูปเคารพ 

และคนที่สร้างนามใหม่นั่นก็คือมนุษย์  เพื่อต่อต้านพระเจ้า
เอาศักดิ์ศรีที่พระเจ้าให้ไปแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตาย

รม1:23 และเขาได้เอาสง่าราศีของพระเจ้าผู้เป็นอมตะ มาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์สี่เท้า และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
บัญญัติพระเจ้าจึงชัดเจนว่า อย่ากราบไหว้หรือ ปรนนิบัติ รูปเคารพ

ฉะนั้นไม่ใช่แค่กราบไหว้ แต่มีส่วนร่วมเท่านั้นก็ถือเป็นการปรนนิบัติ
รูปเคารพเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านพระเจ้า ที่อาศัยของมาร

คนของพระเจ้าปรกติ จึงไม่ควรมีส่วนร่วมยุ่งเกี่ยว 

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561


ระบบปุโรหิตแบบเมลคีเซเดค
ทำความเข้าใจเรื่องระบบปุโรหิตแบบเมลคีเซเดค เพื่อความเข้าใจอย่างสมบูรณ์ในแผนการพระเจ้าผ่านพระคัมภีร์ องค์ประกอบความเชื่อของเรา บทบาทที่พระเจ้าวางไว้รวมถึงอนาคตคตและความหวังใจ 
สิทธิอำนาจที่พระเจ้าให้มี 2 ทางคือ "กษัตริย์" "และปุโรหิต"

ปุโรหิต คือ สิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณ
คนกลางระหว่างพระเจ้าและมนุษย์หน้าที่คือ  "
นำมนุษย์ไปหาพระเจ้า"
กษัตริย์ คือสิทธิอำนาจฝ่ายเนื้อหนัง หน้าที่คือเป็นผู้นำพระเจ้าและการอวยพรหรือการแช่งสาปมาสู่ประชากร
มาที่ทำความเข้าใจที่ ปุโรหิตของพระเจ้า หรือมนุษย์ที่ถูกตั้งเป็นคนกลางระหว่างมนุษย์และพระเจ้าก่อนนะครับ  เชื้อสายของอาดัม สายตรง คือปุโรหิตของพระเจ้า จึงได้ชื่อว่าชอบธรรม มิใช่เขาเป็นคนดีแต่เขาเป็นของพระเจ้า  ไล่เลียงมาจนถึง โนอาห์ ก็นับว่าเป็นคนชอบธรรมโดยเชื้อสายของเขา
พวกเขาเข้าเฝ้าพระเจ้าและถวายเครื่องบูชา นี่คือสิทธิของปุโรหิต

ตัดมาที่น้ำท่วมโลกเลยนะครับ
โนอาห์ ผู้ตั้งแท่นบูชาคนแรกหลังน้ำท่วมโลก และอวยพรพร้อมแช่งสาปลูกหลานของตน พระเจ้ารับรองตามนั้น ซึ่งคำเหล่านั้นมีอิธิพลต่อลูหหลานทั้งหมด  นี่คือหน้าที่ของปุโรหิต
เพราะ
ปุโรหิตกล่าวอนุญาตหรือห้ามสิ่งใดสิ่งนั้นก็ถูกรองรับรวมทั้งอวยพร
สิทธิอำนาจส่งต่อมาที่เชม (เมลคีเซเดค) 
ท่านมีอำนาจทั้ง 2 ระบบ คือกษัตริย์ และปุโรหิต
เมคคีเซเดคเป็นปุโรหิตที่ขึ้นตรงกับพระเจ้าโดยตรง ก่อนที่จะเลือกอิสราเอล
เป็นปุโรหิตของบรรดาประชาชาติ มิใช่ชนชาติใดชนชาติหนึ่ง พระเจ้าเรียกระบบนี้ว่า
ระบบปุโรหิตนิรันดร์
สิทธิอำนาจแห่งปุโรหิตถูกส่งต่อมายัง อับราฮัม โดย ขนมปังและน้ำองุ่น เป็นหมายสำคัญ ปฐก 14:18 เมลคีเซเดคกษัตริย์เมืองซาเล็มได้นำขนมปังและน้ำองุ่นมาให้ และท่านก็เป็นปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด

อับราฮัมถวาย 10 ชัก 1 จากสิ่งที่ท่านมีให้แก่ เมลคีเซเดค
ปฐก 26:5 เพราะว่าอับราฮัมได้เชื่อฟังเสียงของเราและได้รักษาคำกำชับของเรา บัญญัติของเรา กฎเกณฑ์ของเรา และราชบัญญัติของเรา"

ลูกหลานอับราฮัม รับสิทธิอำนาจเป็นปุโรหิตของพระเจ้า สิทธินี้มายังเชื้อสายของอาโรน เป็นระบอบสิทธิอำนาจปุโรหิตแบบอาโรนซึ่งตั้งขึ้นตามธรรมบัญญัติโมเสสฮบ7:5 และแท้จริงบรรดาบุตรของเลวี ซึ่งได้รับตำแหน่งปุโรหิตนั้น ถึงแม้ว่าท่านเหล่านั้นได้บังเกิดจากเอวของอับราฮัม

ปุโรหิตผ่านต่อมาทางอับราฮัม อับราฮัมจึงถวายเครื่องบูชาและทำการอวยพรในนามพระยาเวย์
ส่งต่อผ่านมายังอิสอัค ยาโคบ และมาทางเชื้อสายของเลวี  นั่นคืออาโรน ที่พระเจ้าให้โมเสสแต่งตั้งขึ้น
ผมเรียกง่ายๆว่า
ระบบปุโรหิตแบบอาโรน


 ระบบปุโรหิตแบบอาโรน เป็นระบบที่ถวายเครื่องบูชา ถวายลบบาปตนเองและถวายลบบาปประชากร
และปุโรหิตเป็นมนุษย์ที่ต้องตาย ผลัดกันทำหน้าที่ไปเรื่อยๆตามธรรมบัญญัติ นำศาสนพิธีต่างๆตามธรรมบัญญัติของโมเสสที่ได้รับจากพระเจ้า  ไม่ใช่ปุโรหิตนิรันดร์ฮบ7:23 แท้จริงส่วนปุโรหิตเหล่านั้นก็ได้ทรงตั้งขึ้นไว้หลายคน เพราะว่าความตายได้ขัดขวางไม่ให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งเรื่อยไป

มียุคหนึ่งมีชายคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมารับสิทธิอำนาจทั้งปุโรหิตและกษัตริย์ 
คือดาวิด ผู้เป็น เงา สะท้อนพระเมสิยาห์  ท่านถวายเครื่องบูชาและอวยพรในนามของพระยาเวย์
เป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิต แต่ดาวิดก็ต้องตาย ไม่ใช่ระบบนิรันดร์
ในยุคของท่านมีการกล่าวถึงระบบปุโรหิตนิรันดร์ ผู้เป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิต ในบทกวีแห่งการพยากรณ์
สดด 110:4 พระเยโฮวาห์ทรงปฏิญาณแล้วและจะไม่เปลี่ยนพระทัยของพระองค์ว่า "เจ้าเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ตามอย่างของเมลคีเซเดค"

การสิ้นสุดของระบบปุโรหิตแบบอาโรน
ระบบปุโรหิตของอาโรนสืบเชื้อสายมาทางตระกูลเลวี จนถึงยุคปุโรหิตคนสุดท้ายที่ทำการปรนนิบัตินั่นคือ เศคาริยาห์ (บิดายอห์น ผู้ให้บัพติศมา) พระเจ้าได้มาแจ้งข่าวแก่เขาถึงการกำเนิดบุตรผู้นำทางพระเมสิยาห์  และให้ท่านตั้งชื่อลูกท่านว่า ยอห์น   
ยอห์นเป็นชื่อของคนตระกูล ยูดาห์  ไม่ใช่ชื่อของคนตระกูลเลวี
แม้นภรรยาท่าน อลิซาเบธ เป็นคนตระกูลยูดา (ญาติมารีย์)  ตามหลักแล้วต้องตั้งชื่อบุตรตามชื่อคนในตระกูลเลวี  ทั้งนี้เพื่อ ยอห์นจะเป็นทั้งเลวี และยูดาห์นั่นเอง  หรืออีกนัยะหนึ่งคือ ตระกูลปุโรหิตเลวี และตระกูลกษัตริย์ยูดาห์ อยู่ในตัวของยอห์นผุ้นี้ ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
ลก 1:15 เพราะว่าเขาจะเป็นใหญ่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะไม่ดื่มน้ำองุ่นหรือเหล้าเลย และเขาจะประกอบไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่ครรภ์มารดา
ยอห์นเท่านั้น จึงเป็นผู้ที่มีสิทธิอำนาจในการประกอบหมายสำคัญ ฝังระบบปุโรหิตเก่าและเริ่มระบบปุโรหิตใหม่ ผ่านทางการให้บัพติศมา ระบบปุโรหิต ฝังและเริ่มระบบใหม่ผ่านทางพระเยซูผู้เป็นพระเมสิยาห์


พระเมสิยาห์กับการเป็นนำระบบปุโรหิตนิรันดร์ของพระเจ้ากลับมาอีกครั้ง
พระเจ้าสำแดงน้ำพระทัยทุกอย่างและการช่วยกู้ให้รอดผ่านทางพระเยซู รวมถึงให้สิทธิอำนาจกษัตริย์และปุโรหิตให้พระองค์ ตามแบบเมลคีเซเดค คือระบบปุโรหิตนิรันดร์
ฮบ7 : 23 แท้จริงส่วนปุโรหิตเหล่านั้นก็ได้ทรงตั้งขึ้นไว้หลายคน เพราะว่าความตายได้ขัดขวางไม่ให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งเรื่อยไป (ระบบปุโรหิตอาโรนต้องผลัดกันทำหน้าที่ และตายลง)
24 แต่ฝ่ายพระองค์นี้ (พระเยซู)  โดยเหตุที่พระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ ตำแหน่งปุโรหิตของพระองค์จึงไม่แปรปรวน25 ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงสามารถเป็นนิตย์ที่จะช่วยคนทั้งปวงที่ได้เข้ามาถึงพระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นให้ได้รับความรอด เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์เพื่อเสนอความให้คนเหล่านั้น
26 มหาปุโรหิตเช่นนี้แหละที่เหมาะสำหรับเรา คือเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากอุบาย ไร้มลทิน แยกจากคนบาปทั้งปวง ประทับอยู่สูงกว่าฟ้าสวรรค์
27 พระองค์ไม่ต้องทรงนำเครื่องบูชามาทุกวันๆดังเช่นมหาปุโรหิตอื่นๆ ผู้ซึ่งถวายสำหรับความผิดของตัวเองก่อน แล้วจึงถวายสำหรับความผิดของประชาชน ส่วนพระองค์ได้ทรงถวายเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียว คือเมื่อพระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เอง
พระเยซูจึงไม่ใช่ปุโรหิตตามระบบอาโรนซึ่งเป็นปุโรหิตตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นปุโรหิตตามระบบเมลคืเซเดคคือปุโรหิตนิจนิรันดร์อย่างสมบูรณ์
ฮบ6:20 ที่ผู้นำหน้าได้เสด็จเข้าไปเผื่อเราแล้ว คือพระเยซูผู้ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาปุโรหิตเป็นนิตย์ตามอย่างเมลคีเซเดค
ธรรมบัญญัติจึงหมดฤทธิ์ที่จะฟ้องพระองค์
ฮบ7:12 เพราะเมื่อตำแหน่งปุโรหิตเปลี่ยนแปลงไปแล้ว พระราชบัญญัติก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย



การส่งต่ออำนาจปุโรหิต
พระเยซูได้ หักขนมปัง และดื่มน้ำองุ่น  ตามแบบของเมคีเซเดคส่งต่อให้อับราฮัม และแจ้งถึงสัญลักษณ์ที่ซ่อนเร้นไว้นานนับพันปีว่า นี่คือกายของพระเมสิยาห์ และโลหิตของท่าน หากท่านไม่กินเนื้อและโลหิตพระเมสิยาห์ ท่านก้ไม่มีสิทธิในแผ่นดินของพระเจ้า 
เปโตรจึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเมื่อรับขนมปังและน้ำองุ่นท่านได้เขียนว่า



1 ปต 2:9 แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระองค์โดยเฉพาะ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้สำแดงพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์
ผู้รับสิทธิแห่งขนมปังและน้ำองุ่นนี้  ก็เป็นปุโรหิตของพระเจ้าตามระบบ เมลคีเซเดค มิใช่ระบบอาโรนซึ่งรับใช้ตามธรรมบัญญัติ  และแน่นอน ระบบธรรมบัญญัติที่โมเสสได้รับ หมดฤทธิ์ที่จะฟ้องคนเหล่านั้นที่มีชีวิตภายใต้กฎชีวิตของพระคริสต์ ผู้เป็นปุโรหิตตามระบบเมลคีเซเดค

ธรรมบัญญัติ จึงเป็นส่วนของการเรียนรู้เพื่อรู้จักพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์ แต่ชีวิตของปุโรหิตใหม่นั้น ไม่อยู่ภายใต้กฎธรรมบัญญัติโมเสสแต่ดำเนินชีวิตบนกฎแห่งความชอบธรรมของพระเยซู
แล้วเราต้องทิ้งบัญญัติหรือไม่ ทิ้งไม่ได้ กฎชีวิตแห่งความชอบธรรมของพระเยซู
มีพื้นฐานมาจากธรรมบัญญัติทั้งสิ้นและไม่ขัดกัน
เมื่อท่านได้เรียนรู้โทราห์และธรรมบัญญัติแล้วท่านก็รู้จักพื้นฐานชีวิตที่ถูกต้อง
และดำเนินชีวิตตามกฎแห่งความชอบธรรมในพระคริสต์อย่างมีหลัก เพื่อเป็นปุโรหิตของพระเจ้าอย่างเข้าใจ ขาดคุณสมบัติก้เป็นปุโรหิตไม่ได้
อสค 22:26 ปุโรหิตของเขาได้ละเมิดราชบัญญัติของเรา และได้ลบหลู่สิ่งบริสุทธิ์ของเรา เขามิได้แยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งที่บริสุทธิ์และสิ่งสามัญ เขามิได้แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างของมลทินและของสะอาด เขาได้ซ่อนนัยน์ตาของเขาไว้จากวันสะบาโตของเรา ดังนั้นแหละเราจึงถูกลบหลู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย

ในยุคต่อมานั้นพระเจ้าทรงให้ความหวังใจที่ชัดเจนแก่คนของพระองค์ในการเป็นปุโรหิตที่สมบูรณ์ เมื่อพระองค์ทรงครอบครองในยุคพันปี  คนของพระองค์จะได้รับอำนาจ เต็มระบบ นั่นคือ การเป็นกษัตริย์ และปุโรหิต ตามอย่างเมคคีเซเดค นั่นคือเป็นปุโรหิตระบบนิรันดร์อย่างสมบูรณ์
วว 5:10 พระองค์ได้ทรงโปรดให้เราทั้งหลายเป็นกษัตริย์และเป็นปุโรหิตของพระเจ้าของเรา และเราทั้งหลายจะได้ครอบครองแผ่นดินโลก"วว 20:6 ผู้ใดที่ได้มีส่วนในการฟื้นจากความตายครั้งแรกก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั้น แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดเวลาพันปี
นี่คือแผนการของพระเจ้าในเรื่องระบบปุโรหิตที่เรารอคอยและมีความหวังใจเช่นนั้น

บทความโดย ชนะ  ชัยประเสริฐ












วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561

คำพยากรณ์ที่เกิดขึ้นจริงของพระคัมภีร์ต่อประเทศอิสราเอล
ในชั่วอายุของเรา



เพราะผมถือว่าเป็นความตื่นเต้นที่เราได้อยู่ในช่วงสำคัญของประวัติศาตร์นี้ และความจริงแห่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ใกล้เข้ามาในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะเมื่อเกิดประเทศอิสราเอล นาฬิกา แห่งการพยากรณ์เดินอีกครั้ง
.....
ท้าวความนิด..
บางคนอาจเกิดไม่ทันไม่รู้ว่า เมื่อพันปีก่อน ไม่มีประเทศอิสราเอลบนแผนที่โลก พวกเขาเคยยิ่งใหญ่เคยมีประเทศ และกลายเป็นคนเร่ร่อน โมเสสได้พยากรณ์ว่าเขาจะถูกกระจายไปทั่วโลก เมื่อเขาทำบาป
พบญ 28:64 และพระเยโฮวาห์จะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายกระจัดกระจายไปท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย ตั้งแต่ที่สุดปลายโลกข้างนี้ไปถึงข้างโน้น ณ ที่นั้นท่านจะปรนนิบัติพระอื่นๆ ซึ่งท่านและบรรพบุรุษของท่านไม่รู้จักคือ พระซึ่งทำด้วยไม้และศิลา
600ปี กคศ พวกเขาตกเป็นทาสที่บาบิโลน บ้านเมืองถูกเผาสิ้นซาก เมื่อกลับมาสร้างเมืองเยรูซาเล็มใหม่ ก็ถูกกดขี่ด้วยมหาอำนาจกรีกและโรมมัน จนสิ้นประเทศ ในปี คศ70
นี่คือบทลงโทษจากพระเจ้า แต่เมื่อสิ้นการลงโทษแล้วเขาจะกลับมาสร้างประเทศอีกครั้ง แม้นสิ้นเอกราชกว่า 2500 ปี ไร้แผ่นดิน กว่า 2000 ปี เพราะมีคำพยากรณ์ที่รับรองเอาไว้
(ประวัติศาสตร์ชาติไทยพ่อขุนราม 750ปี)
พบญ 30:3 แล้วพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงให้ท่านคืนสู่สภาพเดิมและทรงพระกรุณาต่อท่าน และจะรวบรวมพวกท่านทั้งหลายอีกจากชนชาติทั้งหลายซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงให้ท่านทั้งหลายกระจายไปอยู่นั้น
มาดูคำพยากรณ์เพียงบางส่วนคำพยากรณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว
ที่ยกมานะครับ ซึ่งจริงๆก็มีมากกว่านี้


ชนชาติยิวจะถูกรวบรวมจากทั้งสี่มุมของแผ่นดินโลก 

อสย 11:11 อยู่มาในวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปเป็นครั้งที่สอง เพื่อจะได้ส่วนชนชาติของพระองค์ที่เหลืออยู่คืนมา เป็นคนเหลือจากอัสซีเรีย จากอียิปต์ จากปัทโรส จากเอธิโอเปีย จากเอลาม จากชินาร์ จากฮามัท และจากเกาะต่างๆแห่งทะเล

12 พระองค์จะทรงยกอาณัติสัญญาณนั้นขึ้นให้แก่บรรดาประชาชาติ และจะชุมนุมอิสราเอลที่พลัดพราก และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจายจากสี่มุมแห่งแผ่นดินโลก


ตอนอพยเข้ามาก็มีแต่ทะเลทราย มาจากหลายที่ ส่วนมากมาจากโซเวียต เขาซื้อที่ดินต่อจากชาวปาเลสไตน์ จัดคิบุ (พื้นที่จัดสรร) ขึ้นเพื่อสร้างอณาจักรเล็กๆบนทะเลทราย

รัฐอิสราเอลจะได้รับการสถาปนาใหม่

อิสยาห์ 66: 
7 ก่อนที่นางจะปวดครรภ์ นางก็คลอดบุตร ก่อนที่ความเจ็บปวดจะมาถึงนาง นางก็ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง


8 ใครเคยได้ยินสิ่งอย่างนี้บ้าง ใครเคยได้เห็นสิ่งอย่างนี้บ้าง แผ่นดินจะให้งอกขึ้นในวันเดียวหรือ ประชาชาติจะคลอดมาในครู่เดียวหรือ เพราะพอศิโยนปวดครรภ์ เธอก็คลอดบุตรทั้งหลายของเธอ

9 เราจะนำมาถึงกำหนดคลอด แล้วจะไม่ให้คลอดหรือ" พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ "เราผู้เป็นเหตุให้คลอด จะปิดครรภ์หรือ" พระเจ้าของท่านตรัสดังนี้

10 จงเปรมปรีดิ์กับเยรูซาเล็มและยินดีกับเธอ นะบรรดาเจ้าที่รักเธอ จงเปรมปรีดิ์กับเธอด้วยความชื่นบาน นะบรรดาเจ้าที่ไว้ทุกข์เพื่อเธอ

เอเศเคียล 37: 21 แล้วจงกล่าวแก่เขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำคนอิสราเอลมาจากท่ามกลางประชาชาติ ซึ่งเขาได้เข้าไปอยู่ด้วยนั้น และจะรวบรวมเขามาจากทุกด้านและนำเขามายังแผ่นดินของเขาเอง

22 และเราจะกระทำให้เขาเป็นประชาชาติเดียวในแผ่นดินนั้นที่บนภูเขาทั้งหลายแห่งอิสราเอล และจะมีกษัตริย์แต่พระองค์เดียวปกครองอยู่เหนือเขาทั้งสิ้น เขาจะไม่เป็นสองประชาชาติอีกต่อไป และจะไม่แยกเป็นสองราชอาณาจักรอีกต่อไป


ในปี 1948 พวกเขาจัดตั้งประเทศขึ้น ไม่เป็นสองอีกต่อไป คือไม่แยกอิสราเอลและยูดาห์แล้ว
มีนายกคนเดียวคือ ดาวิด เบนกูเรียน  นายกรัฐมนตรีคนแรกของรัฐอิสราเอล


ชาวยิวจะกลับมาครองกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้ง

เศคาริยาห์ 8: 
3 พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า เรากลับไปยังศิโยน และจะอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม และเขาจะเรียกเยรูซาเล็มว่าเมืองแห่งความจริง และเรียกภูเขาของพระเยโฮวาห์จอมโยธาว่าภูเขาบริสุทธิ์


4 พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ชายชราและหญิงชราจะอาศัยอยู่ตามถนนในกรุงเยรูซาเล็มอีก ต่างก็มีไม้เท้าอยู่ในมือเพราะอายุมากทีเดียว

5 และถนนทั้งหลายในเมืองนั้นก็จะเต็มไปด้วยเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงวิ่งเล่นอยู่ทั่วไป

6 พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาดในสายตาของประชาชนที่เหลืออยู่ในสมัยนี้แล้ว พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า ก็น่าจะประหลาดในสายตาของเราด้วยมิใช่หรือ

7 พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะช่วยประชาชนของเราให้รอดพ้นจากประเทศตะวันออกและจากประเทศตะวันตก

8 และเราจะพาเขาทั้งหลายให้มาอาศัยอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม และเขาทั้งหลายจะเป็นประชาชนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขาทั้งหลาย ด้วยความจริงและความชอบธรรม 

สังเกตได้ว่ายิวรุกคืบกินดินแดนไปจนเกือบหมด

มาจากการที่ยิวซื้อที่ดินและพัฒนาจนเจริญ
ทางปาเลสไตน์ จึงอยากได้คืน และเริ่มทำสงคราม
ยิ่งทำสงครามยิ่งแพ้ เสียดินแดนไปเรื่อยๆ
พระเจ้าทรงต่อสู้แทนพวกเขา บางทีเขามีแค่ด้ามไม้กวาดแทนปีน
เข้าไปยึดปืนศัตรู 
และในปี 2017 ปธน. โดนัลด์ทรัม  แห่งสหรัฐอเมริกา รับรองสถานภาพเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ท่าม กลางการต่อต้านของชาวโลกและชาวมุสลิมรวมถึงคริสเตียนอีกหลายกลุ่มแผ่นดินอิสราเอลจะได้รับเทพระพรจากความรกร้างว่างเปล่าให้กลายเป็นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง

อเศเคียล 36:

33 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราชำระเจ้าให้หมดจากความชั่วช้าทั้งสิ้นของเจ้านั้น เราจะกระทำให้เจ้าอาศัยอยู่ในบรรดาหัวเมือง 
และสถานที่ทิ้งร้างจะได้สร้างขึ้นใหม่

34 แผ่นดินที่รกร้างจะได้รับการไถแทนที่จะเป็นที่รกร้างดังที่ปรากฏต่อสายตาของคนทั้งหลายที่ผ่านไปมา

35 และเขาทั้งหลายจะกล่าวว่า `แผ่นดินนี้ที่เคยรกร้างกลายเป็นอย่างสวนเอเดน หัวเมืองที่ถูกทิ้งไว้เสียเปล่าและรกร้างและปรักหักพัง เดี๋ยวนี้ก็มีกำแพงล้อมรอบและมีคนอาศัย'

36 แล้วประชาชาติที่เหลืออยู่รอบๆ เจ้าจะทราบว่า เรา พระเยโฮวาห์ ได้สร้างที่ปรักหักพังเหล่านี้ขึ้นใหม่ และปลูกพืชในที่รกร้างนั้น เรา พระเยโฮวาห์ ได้ลั่นวาจาไว้แล้ว และเราจะกระทำเช่นนั้น

37 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราจะให้วงศ์วานอิสราเอลขอให้เรากระทำสิ่งนี้ให้ด้วย คือให้เพิ่มคนอย่างเพิ่มฝูงแพะแกะ

ปัจจุบันอิสราเอลเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงระดับโลกและการเกษตรที่ทันสมัยที่สุด เปลี่ยนทะเลทรายเป็นเอเดน แม้นดินแดนนี้ปาเลสไตน์จะเข้ามาอาศัยอยู่หลายร้อยปี แต่ก็ไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้


ภาษาฮีบรูจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง


เศฟันยาห์ 3: 9 ในคราวนั้น เราจะให้ประชาชนนั้นหันไปใช้ภาษาบริสุทธิ์ เพื่อว่าทุกคนจะร้องทูลออกพระนามพระเยโฮวาห์ และปรนนิบัติพระองค์เป็นใจเดียวกัน

ภาษาฮีบรู นับเป็นภาษาที่เกือบตายไปแล้ว แต่ในปัจจุบันชาวอิสราเอลพูดภาษาฮีบรูได้เป็นปรกติ เด็กรุ่นใหม่อิสราเอลพูด 3 ภาษาได้อย่างน้อย 5 ภาษาปรกติ

บรรดาประชาชาติในโลกจะมารวมตัวต่อสู้กับอิสราเอล และพ่ายแพ้ไป
เศคาริยาห์ 12: 2-8
2 "ดูเถิด เราจะทำกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นถ้วยแห่งการสั่นสะเทือนสำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบ เมื่อพวกเขาจะล้อมทั้งยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มไว้


3 ในวันนั้น เราจะกระทำให้เยรูซาเล็มเป็นศิลาหนักแก่บรรดาชนชาติทั้งหลาย ผู้ที่พยายามยกหินนั้นขึ้นจะกระทำให้ตัวเองถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ถึงแม้ว่าประชาชาติทั้งสิ้นในพิภพจะสมทบกันสู้เยรูซาเล็ม

4 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า ในวันนั้น เราจะให้ม้าทุกตัววุ่นวาย และกระทำให้คนขี่บ้าคลั่ง แต่เราจะลืมตาดูวงศ์วานยูดาห์ และเราจะกระทำให้ม้าทุกตัวของชนชาติทั้งหลายตาบอดไป

5 แล้วหัวหน้าคนยูดาห์จะรำพึงในใจว่า `ชาวเยรูซาเล็มจะเป็นกำลังของเรา เนื่องจากพระเยโฮวาห์จอมโยธาพระเจ้าของเขา'

6 ในวันนั้นเราจะกระทำให้หัวหน้าคนยูดาห์ทั้งหลายเหมือนหม้อร้อนแดงอยู่ท่ามกลางกองฟืน เหมือนคบเพลิงสว่างอยู่ท่ามกลางฟ่อนข้าว และเขาจะเผาผลาญบรรดาชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบไปทางขวาและไปทางซ้ายเสีย ฝ่ายเยรูซาเล็มจะมีคนอาศัยอยู่ในที่เดิมนั้นเอง คือเยรูซาเล็ม

7 และพระเยโฮวาห์จะประทานชัยชนะแก่เต็นท์ของยูดาห์ก่อน เพื่อว่าสง่าราศีแห่งราชวงศ์ดาวิด และสง่าราศีแห่งชาวเยรูซาเล็มจะไม่ได้เป็นที่ยกย่องเหนือกว่าของยูดาห์

8 ในวันนั้นพระเยโฮวาห์จะทรงป้องกันชาวเยรูซาเล็มไว้ เพื่อว่าคนที่อ่อนแอท่ามกลางเขาในวันนั้นจะเป็นเหมือนดาวิด และราชวงศ์ของดาวิดจะเป็นเหมือนพระเจ้า เหมือนทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์นำหน้าเขาทั้งหลาย

ซึ่งเราเห็นได้จากเรื่องสงครามหกวัน ชัยชนะของอิสราเอลเหนือพันธมิตรชาติอาหรับ และสงครามที่ยื้ดเยื้อจนถึงในปัจจุบันนี้



อิสราเอลจะเป็นที่เกรงขาม ต่อบรรดาชาติรอบๆ


อสย11:11 อยู่มาในวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปเป็นครั้งที่สอง เพื่อจะได้ส่วนชนชาติของพระองค์ที่เหลืออยู่คืนมา เป็นคนเหลือจากอัสซีเรีย จากอียิปต์ จากปัทโรส จากเอธิโอเปีย จากเอลาม จา
กชินาร์ จากฮามัท และจากเกาะต่างๆแห่งทะเล

12 พระองค์จะทรงยกอาณัติสัญญาณนั้นขึ้นให้แก่บรรดาประชาชาติ และจะชุมนุมอิสราเอลที่พลัดพราก และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจายจากสี่มุมแห่งแผ่นดินโลก

13 ความอิจฉาของเอฟราอิมจะพรากไปด้วย และบรรดาคู่อริของยูดาห์จะถูกตัดออกไป เอฟราอิมจะไม่อิจฉายูดาห์ และยูดาห์จะไม่รบกวนเอฟราอิม

14 แต่เขาทั้งหลายจะโฉบลงเหนือไหล่เขาของคนฟีลิสเตียทางตะวันตก และเขาจะร่วมกันปล้นประชาชนทางตะวันออก เขาจะยื่นมือออกต่อสู้เอโดมและโมอับ และคนอัมโมนจะเชื่อฟังเขาทั้งหลาย

ปัจจุบันอิสราเอลก้ไปโฉบเพื่อทำลายฐานยิงจรวดฮามาสในกาซาที่อยู่ของฟิลิสสไตน์ หรือปาเลสไตน์นั่นเอง

ยุคบิลคลินตัน อเมริกายกหนี้ให้ จอร์แดน 700 ล้านยูเอส ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันนออก แลกกับสันติภาพที่จะไม่ไปคุกคามอิสราเอล ถึงปัจจุบันจอร์แดน(ดินแดนของโมอับ อัมโมน) ก้ไม่ลุกขึ้นสู้อิสราเอล หลังพ่ายแพ้ยับในสงครามยมคิปูร์

เมือง เทล อาวีฟ ของอิสราเอลจะเจริญรุ่งเรือง

อสย.9:1ในกาลก่อนพระองค์ทรงนำแคว้นเศบูลุนและแคว้น นัฟทาลีมาสู่ความดูหมิ่น แต่ในกาลายหลังพระองค์จะทรงกระทำให้หนทางข้างทะเล แคว้นฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือ กาลิลี แห่งบรรดาประชาชาติ ให้รุ่งโรจน์
ปัจจุบันเราเห็นแคว้นฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือเมือง เทลอาวีฟ เป็นเมืองที่เจริญมากซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเทคโนโลยีของโลก ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่หลับไหล เป็น Start up Nation ที่สำคัญ



อ่านพระคัมภีร์แล้วดูข่าวการเคลื่อนไหวที่อิสราเอลเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากครับ
ยิ่งใกล้วันเวลาของพระเจ้าสิ่งที่พยากรณ์อีกหลายอย่างก็กำลังจะเกิดขึ้นเป็นจริงตามมา