วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561

นามและการนมัสการ



จากข้อพระคัมภีร์
"สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย"

จากการอ่านข้อนี้ทำให้ทราบว่า นามของพระเยซู ถูกยกขึ้นสูง ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต

เพราะอะไรจึงมีการกล่าวถึงนามในอนาคตด้วย? ตรงนี้ตั้งเป็นประเด็นให้คิดนะครับ

ประการแรกเลยคือ พระเจ้าสร้างสรรพสิ่งด้วยพระวาทะ
มนุษย์นั้นมีพระวาทะของพระเจ้าในชีวิตพระเจ้าระบายพระวิญญาณพระองค์ในมนุษย์
มนุษย์สามรถตั้งชื่อสัตว์ หรือเนรมิตรคำใหม่ๆได้ และเป็นคำวิเศษ ซึ่งแทนความหมายต่างๆ

ทูตสวรรค์ไม่มี   หรือสัตว์ ก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้

มนุษย์จึงสามารถเรียกสิ่งซึ่งไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้นได้ ถ้ามีความเชื่อ เท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด
ตรงนี้เป็นจุดเเข็งของมนุษย์ที่มีมากกว่าฑูตสวรรค์และเหล่าวิญญาณชั่ว
เมื่อวิญญาณชั่วมารบกวนท่านสั่งด้วยความเชื่อในนามพระเยซู มันจึงไป
นั่นเพราะท่านมีพระวาทะของพระเจ้าในชีวิต  อำนาจของพระเจ้า ที่ส่งผ่านมายังคนของพระเจ้า

ขณะเดียวกันมารก็ใช้จุดเเข็งนี้เป็นจุดอ่อน

เมื่อพระเจ้าแยกโลกทางฝ่ายเนื้อหนังความสว่างกับโลกความมืดทางฝ่ายวิญญาณออกจากกัน 
ฝ่ายวิญญาณมืดนั้นปารถนาอย่างยิ่งที่จะทะลุเข้ามา เพื่อครอบงำมนุษย์ทางฝ่ายเนื้อหนังที่มีพระวาทะของพระเจ้าในชีวิต  คือจ้องตะบบเลย

ทางที่จะเกิดขึ้นคือการสร้างนาม หรือสร้างตัวตนขึ้นในโลกฝ่ายเนื้อหนัง  และผู้ที่สร้างก็คือมนุษย์ที่มีพระวาทะของพระเจ้า

และมนุษย์ก็สร้างนามต่างๆขึ้น  และประดิษฐ์เป็นรูปเคารพ 
มีนามต่างๆเกิดขึ้นมาตลอดยุคสมัย  เกิดและดับไป  
และมนุษย์ก็แสวงหาที่จะสร้างนามไม่หยุดหย่อน
เพื่อนมัสการ

เหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่พระเจ้าสะอิดสะเอียน คือขยะแขยง รังเกียจ
พฤติกรรมเหล่านี้ 

เรามาโฟกัสดูในประเทศไทยของเรา มีนามต่างๆเกิดขึ้นมากมาย มาจากสองสาย  หนึ่งคือสายเทพ เช่น จัตุคาม รามเทพ  สยามเทวธิราช ฯลฯ เป็นนามบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เทพอาณาจักร ที่เข้ามาสวมและสร้างฤทธิเดชให้คนเชื่อศรัทธาและเดินตาม
สายที่สองคือสายมนุษย์ เช่น มีตั้งแต่ชื่อชาวบ้าน อย่าง แม่นากพระโขนง ไปจนถึงเชื้อพระวงค์กษัตริย์ และชื่อเกจิพระดังๆต่างๆ ซึ่งกลายเป็นรูปเคารพ

เกิดนามใหม่ๆขึ้น เพื่อให้คนเคารพศรัทธากราบไหว้นมัสการและปรนนิบัติ
นี่เป็นที่พึ่งทางใจของมนุษย์ มารพบจุดอ่อนนี้ และใช้ได้ผลเสมอมา

ทางอิสราเอล คนของพระเจ้าพบเจอปัญหารูปเคารพอยู่ตลอดเช่นกัน ตั้งแต่วัวทองคำ 
ส่วนการยกมนุษย์ที่ต้องตายขึ้นกราบไหว้  ก็มีเหตุการณ์เช่นกัน อยากให้พิเคราะห์เป็นอุทาหรณ์

เมื่อโมเสสตาย  ทันทีที่ตาย วิญญาณท่านออกจากร่าง  พระเจ้าส่งมีคาเอลคุ้มกัน
ซาตานมาทันทีเตรียมตะบบ  และเตรียมเกิดศึกชิงศพโมเสส
ยูดา 1:9 ฝ่ายอัครเทวทูตาธิบดีมีคาเอล ครั้นเมื่อท่านโต้เถียงกับพญามารเรื่องศพของโมเสส ท่านเองก็ยังไม่บังอาจตั้งข้อกล่าวหาอย่างเย้ยหยันต่อมารเลย ได้แต่เพียงกล่าวว่า "ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงห้ามเจ้าเถิด"

ร่างของโมเสส สำคัญไฉน ทำไมพระเจ้าต้องสั่งมาอารักษ์ขาและซ่อนไว้
ร่างโมเสส เป็นเรือนดิน ไม่มีความสำคัญเลย วิญาณไม่อยู่แล้ว

แต่เมื่อคนอิสราเอลนำมากราบไหว้  จะเกิดนามใหม่ขึ้นคือพระโมเสสเจ้า (สมมุติ)
อาจมีการขอหวย ขอพร ขอโชคลาภ บนบาน  และโมเสสเจ้าที่ประทานพรให้ ก็จะเป็นเหล่าวิญาณชั่วที่เข้ามา ในนามนั้น เพื่อครอบงำ อิสราเอล   ฉะนั้นพระเจ้าจึงเก็บร่างดินโมเสสไป  และฉะนั้นซาตานจึงรีบมาตะครุบศพโมเสสทันที

ในอสค 43:7-9 จึงกล่าวถึงศพที่ไร้ชีวิตว่า เป็นรูปเคารพ และพระองค์สะอิดสะเอียน
7 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย บัลลังก์ของเราและสถานที่วางเท้าของเราอยู่ที่นี่ เป็นที่ที่เราจะอยู่ท่ามกลางชนชาติอิสราเอลเป็นนิตย์ และวงศ์วานอิสราเอลจะไม่กระทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินอีก โดยตัวของเขาทั้งหลายเองหรือกษัตริย์ของเขาทั้งหลาย ด้วยการเล่นชู้ของเขาทั้งหลาย และด้วยศพของกษัตริย์ของเขาทั้งหลายในปูชนียสถานสูง


8 โดยการวางธรณีประตูของเขาทั้งหลายไว้ข้างธรณีประตูทั้งหลายของเรา โดยการตั้งเสาประตูของเขาทั้งหลายไว้ข้างเสาประตูทั้งหลายของเรา มีเพียงผนังกั้นไว้ระหว่างเรากับเขาทั้งหลายเท่านั้น เขาได้กระทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินด้วยการอันน่าสะอิดสะเอียนของเขาซึ่งเขาทั้งหลายได้กระทำ ดังนั้นเราจึงเผาผลาญเขาเสียด้วยความกริ้วของเรา

9 บัดนี้ให้เขาทิ้งการเล่นชู้ทั้งหลายของเขาและศพของกษัตริย์ทั้งหลายของเขาห้ห่างไกลจากเรา และเราจะอยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลายเป็นนิตย์
ฉะนั้นทันทีที่เสียชีวิต ร่างนั้นว่างเปล่า ไว้อาลัยและทิ้
งกลับเป็นดิน
หรือนำร่างนั้นนำมาไหว้ สร้างนามใหม่ ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวใจ มีนามใหม่เกิดขึ้น เป็นที่อาศัยของเหล่าวิญาณชั่ว นั่นจึงเป็นรูปเคารพ 

และคนที่สร้างนามใหม่นั่นก็คือมนุษย์  เพื่อต่อต้านพระเจ้า
เอาศักดิ์ศรีที่พระเจ้าให้ไปแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตาย

รม1:23 และเขาได้เอาสง่าราศีของพระเจ้าผู้เป็นอมตะ มาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์สี่เท้า และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
บัญญัติพระเจ้าจึงชัดเจนว่า อย่ากราบไหว้หรือ ปรนนิบัติ รูปเคารพ

ฉะนั้นไม่ใช่แค่กราบไหว้ แต่มีส่วนร่วมเท่านั้นก็ถือเป็นการปรนนิบัติ
รูปเคารพเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านพระเจ้า ที่อาศัยของมาร

คนของพระเจ้าปรกติ จึงไม่ควรมีส่วนร่วมยุ่งเกี่ยว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น