วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ตอนที่ 5
บัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ (กรณีล่วงประเวณี)

จากมุมมองจาก "ธรรมบัญญัติพระเจ้า"


5 หญิงที่แต่งงานแล้ว
การแต่งงานคือการยอมรับต่อหน้าสัขขีพยานว่าชายหญิงทั้งสองจะอยู่ร่วมกันเข้าส่วนเป็นสามีภรรยา เป็นพิธีที่มีทุกชนชาติทุกภาษา เป็นภาพสะท้อนการที่คริสตจักรและพระเจ้าเข้าส่วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

มธ 19:6 เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย"


การล่วงประเวณี เป็นความบาปที่ไม่มีใครอยากให้เกิดสภาพเช่นนี้เลย เพราะเป็นการทำลายพระลักษณะของพระเจ้าอย่างรุนแรง เเละมีโทษเป็นบาปตาย
พบญ5:18 "'อย่าล่วงประเวณี”  เป็นกฎหลักหนึ่งในสิบของบัญญัติพระเจ้า  
ความหมายของการล่วงประเวณี ก็คือ

การที่ผู้หญิงแต่งงานแล้วมีชู้  และการที่ชายไปมีเพศสัมพันธ์ุกับหญิงที่แต่งงาน
หรือหมั้น
เหล่านี้จึงเรียกว่า  “ล่วงประเวณี”


พบญ.22:22 ถ้าพบชายคนหนึ่งไปร่วมกับภรรยาของคนอื่น ทั้งสองคน คือชายที่ไปร่วมกับหญิงและหญิงคนนั้นจะต้องมีโทษถึงตาย ดังนี้แหละท่านจะกำจัดความชั่วจากอิสราเอล

แต่การที่หญิงไม่มีคู่หมั้นหรือยังไม่เเต่งงานไปมีเพศสัมพันธุ์กับชายที่มีภรรยาแล้วไม่ได้เรียกว่าล่วงประเวณี  เพราะการมีภรรยาคนที่สองไม่ได้เรียกว่าล่วงประเวณี

เช่น โมเสส รับหญิงคนคูช (ผิวดำ) มาเป็นภรรยา ไม่ใช่การล่วงประเวณี หรือยาโคบ รับราเชลเข้ามาเป็นภรรยาทั้งที่มี เลอาห์อยู่แล้วไม่เรียกการล่วงประเวณี
การที่ดาวิดรับนางอาบีกายินมาเป็นภรรยา เพราะสามีนางตายแล้ว ไม่เรียกการล่วงประเวณี  แต่การที่ดาวิดมีเพสสัมพันธ์ กับ บัชเชบา ภรรยาอุรีอาห์คนฮิตไทน์
นั่นคือการล่วงประเวณี  ดาวิดจึงต้องฆ่าสามีนาง เพื่อจะได้นางมาอย่างถูกกฎบัญญัตินั่นเอง   ดาวิดจึงทำผิดสองเด้งคือ ล่วงประเวณีและฆ่าคน บัชเชบาก็เป็น หญิงล่วงประเวณี คบชู้  

ถ้าเราสังเกตูความเข้มงวดในบัญญัติเรื่องนี้
การล่วงประเวณี เมื่อตอนแต่งงานแล้ว ตรงนี้ไม่ค่อยมีใครมาเป็นพยานปรักปรำให้หญิงคนนั้นต้องตายเท่าไร

อาจจะเป็นเหตุผลเรื่องการมีบุตรแล้ว หรือเป็นเนื้อเดียวกับชายผู้เป็นสามีนั้นแล้วต้องรับผิดชอบร่วมกัน หรือการที่ต้องการให้อยู่ด้วยกันด้วยการเรียนรู้อภัยซึ่งกันและกัน
แต่การล่วงประเวณีนั้นโทษรุนแรงถึงตาย  หมายถึงพระเจ้าให้ความสำคัญมาก
ฉะนั้นสังคมคนของพระเจ้าที่เดินในบัญญัติ ผู้ชายมักจะได้หญิงพรหมจารีเป็นภรรยา เพราะโทษการล่วงประเวณีนั้นเข้มงวด จนไม่มีใครอยากเป็นหญิงผิดประเวณี
และเป็นการส่งผลไปถึงชีวิตในการแต่งงานที่จะไม่ทำพลาดด้วย  

ข้อคิดเรื่องการหย่า การที่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วนั้นล่วงประเวณี  ผู้ชายสามารถหย่าได้  และนั่นเป็นกรณีเดียวที่ผู้ชายจะหย่าจากผู้หญิงได้  

มธ 5:32 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดจะหย่าภรรยา เพราะเหตุอื่นนอกจากการเล่นชู้ 
ก็เท่ากับว่าผู้นั้นทำให้หญิงนั้นผิดศีลล่วงประเวณี และถ้าผู้ใดจะรับหญิงซึ่งหย่าแล้วเช่นนั้นมาเป็นภรรยา ผู้นั้นก็ผิดศีลล่วงประเวณีด้วย
ถ้าผู้ชายหย่าภรรยา เพราะไม่ชอบใจ  (เช่นกำกับข้าวไม่อร่อย,ขี้บ่น  ผู้หญิงที่ถูกหย่า จะโดนตีค่าทางนิตินัยว่า เป็นหญิงล่วงประเวณี    เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงห้ามคู่แต่งงานแยกจากกัน จนกว่าตายมาพรากไป  ตามบัญญัติให้หย่าก็เฉพาะเรื่องผู้หญิงเล่นชู้เท่านั้น 

ผู้หญิงที่ไม่ชอบสามีตนหรืออยากกลับไปเป็นโสด และขอหย่าจากสามีด้วยเหตุผลต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับการที่ตนไปมีชู้  เท่ากับ กำลังพาตัวเองไปสู่การเป็นหญิงล่วงประเวณี   เพราะการหย่าหมายถึง สังคมอิสราเอลตีค่าว่า หญิงคนนั้นเป็นหญิงล่วงประเวณี  ยิ่งไปแต่งงานใหม่ ก็คือหญิงล่วงประเวณีทั้งนิตินัยและพฤตินัย    มีช่องทางเดียวเท่านั้นที่จะแต่งงานใหม่ หรือเป็นโสดได้ คือสามีตาย

รม. 7:3 ฉะนั้น ถ้าผู้หญิงนั้นไปหลับนอนกับชายอื่นในเมื่อสามียังมีชีวิตอยู่ นางก็ได้ชื่อว่าเป็นหญิงล่วงประเวณี แต่ถ้าสามีตายแล้ว นางก็พ้นจากกฎระเพณีสามีภรรยา แม้นางไปเป็นภรรยาชายอื่น ก็หาผิดประเวณีไม่
ตัวอย่างจากพระคัมภีร์คือนางรูธชาวโมอับ แต่งงานกับชายยิว  เมื่อสามีเธอเสียชีวิตแล้ว  เธอก็สามารถหาสามีใหม่ได้  แต่ถ้าสามียังมีชีวิต ผู้หญิงไม่สามารถหย่าขาดจากสามีได้  และแท้จริงแล้วพระเจ้าไม่ปารถนาให้มีการหย่าเกิดขึ้น
มก10:6 แต่ตั้งแต่เดิมสร้างโลก พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง
เพราะเหตุนั้นบุรุษจึงต้องละบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยา
และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน
เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย"

ในพระคัมภีร์มีตัวอย่าง หญิงล่วงประเวณีโดยการเล่นชู้  คือภรรยาของ โฮเชยา ผู้เผยพระวจนะ  พระเจ้าให้ท่านไปรับหญิงเจ้าชู้มาเป็นภรรยาและเกิดลูก ซึ่งเป็นลูกของชู้
พระเจ้าให้โฮเชยาเข้าใจถึงพระทัยพระเจ้า ที่เห็นอิสราเอลเป็นหญิงเจ้าชู้ พระองค์ต้องให้อภัยภรรยาเจ้าชู้นั้น และเสียเงินไถ่เธอกลับมา 

ฮชย3:2 ดังนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อนางมาเป็น เงินสิบห้าเชเขลกับข้าวบารลีหนึ่งโฮเมอร์กึ่ง
3 ข้าพเจ้าจึงพูดกับนางว่า "เธอต้องรอฉันให้หลายวันหน่อย อย่าเล่นชู้อีก อย่าไปเป็นของชายอื่นอีก ส่วนฉันก็จะไม่เข้าหาเธอด้วย"

ในเรื่องนี้เราจะเห็นว่าพระลักษณะของพระเจ้าคือการที่ ก่อนเราจะเป็นของพระเจ้านั้น (เป็นคู่หมั้น) เราต้องบริสุทธิ์ เพราะพระเจ้าได้หมั้นเราเอาไว้แล้วนั่นเป็นเรื่องสำคัญ
และเมื่อไรที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาพระเจ้าแล้ว เป็นของพระเจ้าโดยสมบูรณ์ พระองค์ยกบาป และพร้อมไปกับเราทุกเรื่อง นี่คือพระลักษณะพระเจ้า
แต่ถ้าท่าน "ใจแข็งกระด้าง"  รับไม่ได้ที่ภรรยามีชู้ท่านก็ทำการ "อย่า"  ได้  


พระเยซูกล่าวถึงพระทัยพระเจ้าว่า
มธ5:328 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า "โมเสสได้ยอมให้ท่านทั้งหลายหย่าภรรยาของตน เพราะใจท่านทั้งหลาย แข็งกระด้าง แต่เมื่อเดิมมิได้เป็นอย่างนั้น

ความหมายของคำว่าเเข็งกระด้างตรงนี้คือ  มีชู้ก็หย่าเลยเรียกว่าคนใจแข็งกระด้าง ท่านหย่าได้แต่พระเยซูเรียกท่านว่าคนใจแข็งกระด้าง
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้  เพราะการหย่านั้นผลก็คือ การฟ้องว่าผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนล่วงประเวณีผู้ชายก็จะได้ชื่อว่าผิดประเวณีเหมือนกัน  นั่นคือผิดในสิ่งที่พระเจ้าสร้างและกำหนดให้

4 เขาทูลตอบว่า "โมเสสอนุญาตให้ทำหนังสือหย่าให้ภรรยา แล้วก็หย่าให้"
5 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า "โมเสสได้เขียนบัญญัติข้อนั้นเพราะเหตุใจพวกเจ้า  “ดื้อดึง”

10 เมื่อเข้าไปในเรือนแล้ว เหล่าสาวกทูลถามพระองค์อีกถึงเรื่องนั้น
11 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "ถ้าผู้ใดหย่าภรรยาของตน แล้วไปมีภรรยาใหม่ ผู้นั้นก็ได้ผิดประเวณีต่อภรรยาเดิม
12 และถ้าหญิงเองจะหย่าสามีของตน แล้วไปมีสามีใหม่ หญิงนั้นก็ผิดประเวณีเหมือนกัน"

ฉะนั้นไม่ว่าอิสราเอลทำบาปอย่างไร พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งอิสราเอลเลย
นี่คือพระลักษณะพระเจ้า  ไม่เคยหย่าขาดเลย

อสย 54:5 เพราะผู้สร้างเจ้าเป็น”สามี”ของเจ้า พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา 
ฮชย 9:1 โอ อิสราเอลเอ๋ย อย่าเปรมปรีดิ์ไป อย่าเปรมปรีดิ์อย่างชนชาติทั้งหลายเลย เพราะเจ้าทั้งหลาย”เล่นชู้นอกใจพระเจ้า”ของเจ้า
ฮชย 3:1 และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงไปอีกครั้งหนึ่ง ไปสมานรักกับหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนรักของชู้และเป็นหญิงล่วงประเวณี 
เหมือนพระจ้าทรงรักพงศ์พันธุ์อิสราเอลอย่างนั้นแหละ แม้ว่าเขาจะหลงใหลไปตามพระอื่น และนิยมชมชอบกับขนมลูกองุ่นแห้ง"
อสค16:59 "เออ พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราจะกระทำแก่เจ้าอย่างที่เจ้าได้กระทำแล้วนั้น ผู้ดูหมิ่นคำสาบานและหักพันธสัญญา
60 ถึงกระนั้นเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเรา ซึ่งเราทำไว้กับเจ้าในสมัยเมื่อเจ้ายังสาวอยู่ และเราจะสถาปนาพันธสัญญานิรันดร์ไว้กับเจ้า

พระเจ้าทิ้งท้ายว่า
63 เพื่อเจ้าจะจำได้และสนเท่ห์ (ว่าพระเจ้าอภัยให้เราด้วยหรือ)  และเพราะความละอายของเจ้า เจ้าจะไม่อ้าปากพูดอีก เมื่อเราลบมลทินบาปทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำมาแล้ว พระจ้าตรัสดังนี้"

ฉะนั้นการไม่หย่าจากกันไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นคือน้ำพระทัยพระเจ้าสูงสุด 
แต่ถามว่ามีไหม ที่ทนไม่ไหวต้องหย่าจริงๆ ก็มี พระเจ้าก็ทิ้งคนของพระเจ้าหากไม่กลับใจ
ฉะนั้นบัญญัติจึงมีช่องตรงนี้เอาไว้คือหย่าได้ แต่อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

ในกรณีที่ผู้ชายขอหย่าเพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ
พบญ 24 : 1 "เมื่อชายคนใดมีภรรยาแต่งงานอยู่กินด้วยกันกับนาง และสามีไม่ชอบภรรยาคนนั้น เพราะมาทราบว่านางมีสิ่งน่าอาย
และเขาทำหนังสือหย่าใส่มือให้นาง แล้วไล่ออกจากเรือนไป
2 และนางก็ออกจากเรือนไปเสีย และถ้านางไปเป็นภรรยาของชายอีกคนหนึ่ง
และสามีคนหลังนี้ไม่ชอบนางจึงทำหนังสือหย่าใส่ มือนางแล้วไล่นางออกจากเรือน หรือสามีคนหลังนี้ที่ได้นางเป็นภรรยาถึงแก่ความตาย
4 สามีคนเดิมที่ได้ไล่นางไปนั้นจะรับ นางที่มลทินแล้วมาเป็นภรรยาอีกไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแด่พระเจ้า 
ท่านทั้งหลายอย่ากระทำให้แผ่นดินซึ่ง พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านประทาน แก่ท่านให้เป็นมรดกนั้นมีความผิด

ถ้าท่านหย่าขาดจากกันแล้ว ห้ามกลับมาอีก เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแด่พระเจ้า

เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี ก็ขอจบโดยให้เห็นในภาพรวมๆ เอาไว้เพียงเท่านี้ครับ

ชาโลม
ชนะ ชัยประเสริฐ


"""""""""""
ติดตาม
เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี

ตอนที่1 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/blog-post.html

ตอนที่ 2 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/1-2-3-4-5-1-4422-2216-2217-2228-29-13.html


ตอนที่ 3 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/3-2-2223-24-2-112-1310-2225-26-27-1717-p.html

ตอนที่ 4 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/4-3-3.html

ตอนที่ 5 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/5-5-196-518.html

ตอนที่ 4
บัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ (กรณีล่วงประเวณี)

จากมุมมองจาก "ธรรมบัญญัติพระเจ้า"

3
หญิงผิดประเวณี
3.1  หญิงผิดประเวณีที่ยังไม่แต่งงาน

ความหมายของหญิงผิดประเวณีในบัญญัติของพระเจ้า นับหญิงที่มีเพศสัมพันธุ์กับผู้ชาย ไม่ว่าโดยเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายโดยไม่แต่งงาน  ไม่นับว่าเป็นการล่วงประเวณี เป็นการผิดประเวณี  จะต้องถูกดำเนินการตามที่เขียนไปในตอนที่ 1 และ 2 ที่กล่าวไป ไม่ได้ต้องโทษที่จะโดนหินขว้างแบบหญิงล่วงประเวณี

 ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามที่มีความสัมพันธ์ทางเพศมาก่อน และไม่ได้จบลงที่การแต่งงาน  อาจมาจาก ไม่ชอบคนนั้น  หรือไม่ได้สมหวังเรื่องการแต่งงานด้วยปัจจัยต่างๆ เช่นพ่อไม่อนุญาต ผู้ชายไม่มาขอจึงเลิกรากันไป  หรือกรณีมีความสัมพันธ์กันแบบเก็บเป็นความลับแล้วเลิกกันไป  กรณีถูกหลอกมีเพศสัมพันธ์ หรือกรณีโดนข่มขืน  อย่างไรก็ตาม ก็นับว่ากลายเป็นหญิง "ผิดประเวณีแล้ว แต่ไม่ต้องโดนหินขว้าง  หากเป็นที่เข้าใจได้ว่า เธอยังไม่มีคู่หมั้นหรือคู่แต่งงาน ฉะนั้นปัจจัยในการเป็นหญิงผิดประเวณีจึงมีหลายอย่าง ซึ่งเราไม่สามารถไปตัดสินใครได้  ไม่ใช่เพราะความ "ตั้งใจเป็น" หรือ จำยอมเสมอไป 

ซึ่งสภาพการเป็นหญิงผิดประเวณีและไม่ได้แต่งงานก็เป็นเรื่องที่น่าสงสาร และน่าเห็นใจอยู่แล้ว  เป็นจุดที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากยืนอยู่
และเป็นกฎบัญญัติที่พระเจ้ากำหนดขึ้นให้เป็นเช่นนี้ เพื่อไม่ให้ลูกหลานผู้เชื่อพระเจ้า ปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง
1 ทธ 5:6 ส่วนผู้หญิงที่ปล่อยตัวนั้นก็ตายทั้งเป็น

เรามาดูรายละเอียดกรณีต่างๆที่จะเกิดขึ้นบัญญัติว่าอย่างไรบ้างสำหรับหญิงที่ผิดประเวณี

1 หญิงที่ไม่ใช่หญิงพรมจรรย์ (หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์ทางเพศกับชาย) ไม่มีสิทธิแต่งงานกับ ปุโรหิต (ลวต 21:13)
ผู้ชายที่แต่งงานด้วยกับหญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว  แม้นเขาเป็นคนที่สอง ก็จะ ตกในฐานนะเป็นชายล่วงประเวณีทันที  ปุโรหิตจึงแต่งงานด้วยไม่ได้
หรือวันดีคืนดีผู้ชายคนแรกอาจมาทวงสิทธิก็ได้ และกล่าวหาว่าปุโรหิตนั้นล่วงประเวณี ได้ เพื่อป้องกันเรื่องนี้ ผู้รับใช่พระเจ้าปุโรหิต บัญญัติเจาะจงว่าจะแต่งงานเฉพาะหญิงพรหมจารี หรือแต่งกับแม่หม้ายที่เคยเป็นภรรยาปุโรหิตเท่านั้น

และเป็นไปได้ว่าในการประยุกต์ใช้ในยุคปัจจุบัน ผู้เชื่อคือ ปุโรหิตของพระเจ้าใช่หรือไม่?
ฉะนั้นหญิงผิดประเวณี เป็นหญิงที่ไม่ควรได้รับการเลือกเป็นภรรยา  
บัญญัตินั้นดูโหดร้ายกับหญิงผิดประเวณีมาก แต่ส่งผลรุ่นต่อๆมาๆ ไม่มีใครอยากเป็นหญิงผิดประเวณีอีก  นั่นคือผลดี
  แต่ในยุคที่บัญญัติในเรื่องเลวีเปลี่ยนไป เพราะระบบปุโรหิตที่เปลี่ยนไป
หญิงที่เป็นหญิงผิดประเวณี ก็ไม่ได้จะมีโทษที่เบาลง พระเจ้าก็ทรงเข้มงวด
แต่เรายังยึดในสิ่งที่พระเยซูสอนคือ  “ไม่มีใครเอาโทษเจ้า เราก้ไม่เอาโทษเจ้า จงอย่าทำอีก”
การเลือกผู้ชายของหญิงผิดประเวณี คือ "เลือกผู้ชายที่สามารถอภัยให้กับอดีตที่ผ่านมาได้"


3.2 หญิงผิดประเวณีที่แต่งงานไปแล้ว

 หากหญิงคนนั้นแต่งงานไปกับคนที่ไม่ได้รักและพร้อมอภัยเรื่องราวในอดีตได้  วันหนึ่งถูกจับได้ภายหลังว่า ก่อนแต่งงาน เป็นหญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นมาแล้ว
สามีสามารถร้องเรียนขอหย่าได้  เพราะตนเองเข้าข่ายกลายเป็นชายล่วงประเวณี  หรือโดนหลอกมาแต่งนั่นเอง

พบญ 22:13 ถ้าชายคนใดได้ภรรยา และได้สมสู่อยู่กับนาง แล้วเกิดเกลียดชังนาง
14 และหาเหตุว่าหญิงนั้นประพฤติสิ่งน่าอาย กระทำให้ชื่อเสียงของนางเสียหาย โดยกล่าวว่า `ข้ารับหญิงคนนี้มาเป็นภรรยา ครั้นข้าเข้าสมสู่กับนางก็เห็นว่านางมิได้เป็นพรหมจารี'   

และโทษของหญิงคนนั้นคือโดนหินขว้าง ในโทษฐานที่เป็น "โสเภณีในเรือนบิดา"

20 แต่ถ้าเรื่องนั้นเป็นความจริง และหาของสำคัญอันเป็นพยานว่า หญิงนั้นเป็นพรหมจารีสำหรับหญิงสาวนั้นไม่ได้
21 เขาจะพาหญิงสาวนั้นออกมานอกประตูเรือนบิดาของเธอ แล้วพวกผู้ชายในเมืองของเธอจะเอาหินขว้างเธอให้ตาย เพราะเธอได้กระทำความโง่เขลาในอิสราเอล คือเป็นหญิงโสเภณีในเรือนของบิดา ดังนี้แหละท่านจะกำจัดความชั่วออกจากท่ามกลางท่าน

แต่ถ้าจับได้ว่าสามีใส่ความ เพราะเกลียดชังนาง สามีจะโดนโทษ เช่นกัน

พบญ 22:16 และบิดาของหญิงสาวนั้นจะบอกกับพวกผู้ใหญ่ว่า `ข้าได้ยกลูกสาวของข้าให้เป็นภรรยาชายคนนี้ และเขากลับเกลียดชัง
17 ดูเถิด ชายผู้นี้หาเหตุกล่าวติเตียนว่า "ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าบุตรสาวของท่านเป็นพรหมจารีเลย" นี่แหละเป็นของสำคัญว่าลูกสาวของข้าเป็นหญิงพรหมจารี' แล้วเขาจะคลี่ผ้านั้นออกต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นให้เป็นพยาน
18 ให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นจับชายคนนั้นมาเฆี่ยน
19 และปรับเขาเป็นเงินหนึ่งร้อยเชเขล และมอบเงินนั้นให้แก่บิดาของหญิงสาว เพราะเขาทำให้หญิงพรหมจารีอิสราเอลคนหนึ่งเสียชื่อ หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของเขาต่อไป เขาจะหย่าร้างไม่ได้เลยตลอดชีวิต

ด้วยเหตุนี้หญิงผิดประเวณี ที่ได้ถูกรับไปเป็นภรรยาจึงต้องถูกรับไป  ด้วยความรักและการอภัยให้อย่างเเท้จริง
และเพื่อไม่ให้เกิดเนื่องนี้ ต้องเปิดเผยตัวตนให้สามีรู้ว่าฉันเคยมีใครมาก่อน เธอรับได้ไหม ดีกว่าไปรู้ตอนที่แต่งงานเเล้ว   ถึงกระนั้นก็ตกอยู่ในที่นั่งที่ลำบากเพราะผู้ชายสามารถ หย่าขาดได้ตลอดเวลา ด้วยอ้างว่า เธอไม่ใช่หญิงพรมจารี
ที่พระเจ้าให้บัญญัติออกกฎเช่นนี้เพื่อไม่ให้ต้องมีผู้หญิงคนของพระเจ้าคนใดปล่อยตัวไปเป็นหญิงผิดประเวณี แต่รักษาความเป็นพรหมจารีไว้
หากกลับไปดูข้อ 1-2 ที่เคยเขียนไว้ บิดา จึงจะพยายามให้ลูกผู้หญิงมีคู่หมั้นและแต่งงาน เพื่อป้องกันปัญหาบุตรสาวอาจกลายเป็นหญิงผิดประเวณี นั่นเอง

ในภาพฝ่ายวิญญาณ ภาพผิดล่วงประเวณี เป็นภาพของผู้เชื่อในพระเจ้า
พวกเราได้พลาดทำบาปต่อพระองค์ และหันกลับมาหาพระองค์   ขอการอภัยและยกบาป  มาขอพระคุณการให้อภัยจากความรักของพระเจ้า
พระเจ้าอภัยและอ้าแขนเปิดรับ แต่เป็นเรื่องที่เจ็บปวด หากพี่น้องในพระเจ้าด้วยกันกลับไม่ให้อภัยกันกล่าวโทษกัน พิพากษากัน  อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย
มธ 7:2 เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงก
ล่าวโทษท่านอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้รงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น

หญิงผิดประเวณีที่เราเห็นในพระคัมภีร์ อย่างนางราหับ หญิงโสเภณี สัลโมนคนเผ่ายูดาห์ยินดีรับนางเป็นภรรยา และคลอดบุตรชาย คือโบอาส ซึ่งเป็นเชื้อสายของพระเยซูเช่นกัน
มธ 1:5 สัลโมนมีบุตรชื่อโบอาสเกิดจากนางราหับ โบอาสมีบุตรชื่อโอเบดเกิดจากนางรูธ โอเบดมีบุตรชื่อเจสซี  พ่อกษัตริย์ดาวิด ซึ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของบรรพบุรุษพระเยซูเช่นกัน   การรับนางราหับคนเยรีโคเป็นภรรยา ตามกฎบัญญัติการรับหญิงเชลยเข้าเป็นภรรยามีระบุใน พบญ 21:11-14

ติดตามตอนต่อไป

………………

ติดตาม
เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี

ตอนที่1 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/blog-post.html

ตอนที่ 2 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/1-2-3-4-5-1-4422-2216-2217-2228-29-13.html


ตอนที่ 3 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/3-2-2223-24-2-112-1310-2225-26-27-1717-p.html

ตอนที่ 4 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/4-3-3.html

ตอนที่ 5 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/5-5-196-518.html
ตอนที่ 3
บัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ (กรณีล่วงประเวณี)
จากมุมมองจาก "ธรรมบัญญัติพระเจ้า"





2 หญิงมีคู่หมั้นแล้ว
เรามาดูกรณีหญิงที่หมั้นกับสามีแล้วซึ่งเป็นแบบอย่างของคริสตจักร(คนของพระเจ้า) ที่ถูกเลือกและพระเจ้าหมั้นแล้ว 

พบญ 22:23 ถ้ามีหญิงพรหมจารีคนหนึ่งหมั้นไว้กับสามีแล้ว และมีชายคนหนึ่งไปพบเธอในเมือง และได้ร่วมกับเธอ 
24 ท่านจงพาเขาทั้งสองออกไปยังประตูเมืองนั้น และท่านจงขว้างเขาทั้งสองด้วยหินให้ตายเสีย 
หญิงสาวคนนั้นเพราะมิได้ร้องโวยวายขึ้นแม้ว่าจะอยู่ในเมือง (เป็นการสมยอม) 
ชายคนนั้นเพราะว่าเขาได้หยามเกียรติภรรยาของเพื่อนบ้าน (การหมั้นถือเป็นภรรยาแล้วทางนิตินัย)
ดังนี้แหละท่านทั้งหลายจะขจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน

สังเกตว่าคริสตจักรที่พระเจ้าหมั้นเอาไว้ และรอคอยเจ้าบ่าว หากไปใจอ่อนสมยอมกับมารก็ผิด
ส่วนมารก็ผิด เพราะพระเจ้ากับคนของพระเจ้าหมั้นกันเอาไว้แล้วด้วยพระวิญญาณเป็นมัดจำ  ถ้าท่านเชื่อว่าท่านเป็นคนที่พระเจ้าหมั้นไว้ มารจะแตะไม่ได้  มารต้องมีโทษ
การมาแตะคนที่พระเจ้าหมั้นไว้ บัญญัติตรงนี้ชี้ว่ามีโทษเป็นบาปตาย  นับเป็นการ “ล่วงประเวณี” เพราะยุ่งกับคนมีเจ้าของ
มารซาตานจึงแตะท่านไม่ได้ แต่มารรู้อนาคตอยู่แล้วว่าต้องโดนพระเจ้าลงโทษ
 มันก็ล่อลวงท่าน เพราะท่านคือคู่หมั้นพระเจ้า “มีเจ้าของ” ท่านหลงผิด  ท่านก็ต้องตายไปพร้อมกับมารด้วย ถือว่าล่วงประเวณี สมยอมไปกะมาร ฉันใดฉันนั้น


2 คร 11:2 เพราะว่าข้าพเจ้าหวงแหนท่านอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน 
เพราะว่าข้าพเจ้าได้หมั้นพวกท่านไว้สำหรับสามีผู้เดียว เพื่อถวายพวกท่านให้แก่พระคริสต์เป็นพรหมจารีบริสุทธิ์

บัญญัติของพระเจ้าทุกอย่างจึงสะท้อนพระลักษณะพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะตัดสินโลกทุกมิติได้ด้วยบัญญัติพระองค์   บ่อยครั้งที่พระเจ้าต่อว่าอิสราเอลที่พระเจ้าหมั้นหมายผ่านผู้เผยพระวจนะว่า อิสราเอลมีชู้ล่วงประเวณี    คนของพระเจ้าก็ชอบนอกใจพระเจ้าไปพึ่งพระอื่นบ่อย ไปกับคำสอนจอมปลอมละเมิดบัญญัติพระองค์   ถึงอย่างนั้นเมื่อเขากลับใจพระองค์ก็อภัย อภัยแล้วอภัยอีก ขณะเดียวกันถ้าพระองค์จะหย่าขาดก็ไม่ผิด
ซึ่งประเด็นนี้จะอธิบายในหัวข้อต่อไป  ขอยกตัวอย่างกรณีนี้ซึ่งเกิดกับโยเซฟ

โยเซฟหมั้นกับมารีย์เอาไว้ แต่เธอท้อง มารียืเข้าข่ายว่า ท้องโดยสมยอมกับใครบางคนที่ไม่ใช่คู่หมั้นตนเอง
โทษคือบาปตาย โยเซฟ เป็นคนมีคุณธรรมจึงถอนหมั้นลับๆ ถ้าคนไม่มีคุณธรรมจะโวยวายและฟ้อง มารีย์ต้องโดนหินขว้างให้ตาย  โยเซฟเลือกที่จะรักษาชีวิตมากกว่าเอาดีเอาชั่วตามบัญญัติ  เป็นการใช้บัญญัติด้วยความเข้าใจ
รม 13:10 ความรักไม่ทำอันตรายเพื่อนบ้านเลย เหตุฉะนั้นความรักจึงเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน


มาดูเคสอีกเคสหนึ่งของหญิงที่มีคู่หมั้นแล้ว

พบญ 22:25 แต่ถ้าชายคนหนึ่งไปพบหญิงสาวที่คนอื่นหมั้นไว้แล้วที่กลางทุ่ง 
ชายคนนั้นจับตัวหญิงคนนั้นและได้ร่วมกับเธอ (ข่มขืน)
เฉพาะผู้ชายคนที่ร่วมกับเธอเท่านั้นจะต้องมีโทษถึงตาย (ถือเป็นการล่วงประเวณี)
26 แต่ท่านอย่าทำโทษหญิงสาวนั้นเลย ฝ่ายหญิงสาวนั้นไม่มีความผิดสิ่งใดที่จะต้องมีโทษถึงตาย 
27 เพราะชายนั้นพบเธอที่กลางทุ่ง แม้ว่าหญิงสาวที่เขาหมั้นไว้คนนั้นจะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีผู้ใดมาช่วยได้


กฎหมายให้สิทธิแก่คนที่มีคู่หมั้นที่โดนข่มขืน ผู้ชายที่มาข่มขืนต้องตาย และกรณีคดีแบบนี้มีคนที่ยินดีเป็นพยานแน่นอนเพราะเป็นคดีข่มขืนคนมีเจ้าของ
 สะท้อนภาพฝ่ายวิญญาณว่า เมื่อเราได้ร้องแล้ว ไม่สามารถต่อสู้ไหว สุดท้ายพระเจ้าทรงยุติธรรมที่จะกำจัดมาร  คนของพระเจ้าหลายคนถูกประทุษร้ายจนเสียชีวิต แม้นร้องขอพระเจ้าช่วยแต่เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้น พระเจ้าทรงนับและเอาคืนให้
บางคนก็ถามพระเจ้าว่า เพราะอะไรต้องปล่อยให้เกิดเหตุร้ายก่อน? เพราะถ้าไม่เกิดเราก็จับผู้ร้ายลงโทษไม่ได้อย่างนั้นหรือ   อย่างไรก็ตามพระเยซูยอมตายเพื่อเราทั้งหลายมาแล้ว  ชื่นชมยินดีและขอบคุณพระเจ้าเถิด พระองค์ยุติธรรมที่จะให้บำเหน็จแก่ท่าน


มาดูที่ผู้ชายกันสักหน่อยนะครับ
  • เคสของผู้ชายที่เข้ามา ไม่ระบุว่าเขามีภรรยาแล้วหรือไม่ เพราะการมีภรรยาคนที่สองสามเป็นเรื่องปรกติ ของชายสมัยนั้น
เข้าหาผิดก็ผิด  ชีวิตพังได้ คือเข้าหาคนที่มีคู่มีเจ้าของหมั้นหมายแล้ว  บัญญัตินั้นไม่มีการห้ามที่จะมีภรรยากี่คนแต่ห้ามว่า”อย่ามีมาก”เกินไป  เพราะหญิงในอิสราเอลจะต้องไม่มีคนโสด
พบญ 17:17 และอย่าให้ผู้นั้นมีภรรยามาก เกรงว่าจิตใจของเขาจะหันเหไปเสีย หรืออย่าให้มีเงินมีทองเป็นของตนอย่างมากมาย




ตอนหน้าเขียนเรื่องหญิงที่ผิดประเวณี  ต่อนะครับ
.....
ติดตาม

เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี

ตอนที่1 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/blog-post.html

ตอนที่ 2 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/1-2-3-4-5-1-4422-2216-2217-2228-29-13.html


ตอนที่ 3 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/3-2-2223-24-2-112-1310-2225-26-27-1717-p.html

ตอนที่ 4 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/4-3-3.html

ตอนที่ 5 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/5-5-196-518.html

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



ตอนที่ 2
บัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ (กรณีล่วงประเวณี)
จากมุมมองจาก "ธรรมบัญญัติพระเจ้า"

ตามที่กล่าวไปแล้ว่าการ “ร่วมประเวณี” นอกการสมรส ไม่ได้นับว่าเป็นการ ล่วงประเวณีเสมอไป เราจึงต้องมาศึกษาให้ละเอียด มิเช่นกันเราก็จะสอนกันอย่างคลาดเคลื่อนและหลายคนเข้าใจแบบเหมาเข่งว่าความสัมพันธ์ทางเพศนอกสมรสทุกอย่างคือบาปการล่วงประเวณีหมด  เพราะไม่ศึกษาและทำความเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้าผ่านบัญญัติของพระองค์   หลายคนจึงลงโทษผู้เชื่อพระเจ้า อย่างไม่เข้าใจหรือไม่จัดการให้ถูกต้อง  และคนส่วนมากที่ถูกตักเตือนหรือลงโทษเรื่องนี้ก็คือผู้ที่เริ่มมาเชื่อ ที่ยังไม่เติบโต

การทำความเข้าใจผู้เขียนขอ เริ่มจากการ แบ่งหญิงสาวในพระคัมภีร์แบ่งเป็นห้าประเภท (ไม่นับหญิงประเภทสองหรือสาวสองครับ)

1 หญิงพรหมจารี
2 หญิงมีคู่หมั้น
3 หญิงผิดประเวณีเมื่อยังไม่แต่งงาน
4 หญิงล่วงประเวณีเมื่อแต่งงานแล้ว
5 หญิงหม้าย

*ในวัฒนธรรมอิสราเอล จะไม่มีหญิงโสด เพราะคนอิสราเอลผู้หญิงต้องทำหน้าที่คลอดบุตร นั่นเพราะพระมาซีฮานั้นถูกสัญญาว่าจะมาเกิดผ่านชนชาติอิสราเอล การไม่ให้กำเนิดก็คือไม่ให้ความร่วมมือกับพระเจ้า ฉะนั้นหญิงหมันจึงนับเป็นความอดสู ทุกคนต้องมีสามีเพื่อทำหน้าที่คลอดบุตร  ในสังคมอิสราเอลสมัยนั้นหญิงมีแววว่าจะโสดจึงถูกยกให้ไปทำหน้าที่ภรรยาที่สองที่สามกันไป

1 หญิงพรหมจารี  หญิงที่ยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ใด

เป็นหญิงประเภทที่ดีงามที่สุด ซึ่งปุโรหิตของพระเจ้า จะมีภรรยา ก็ต้องเป็นหญิงพรหมจารีเท่านั้น  อสค 44:22 อย่าให้ปุโรหิตแต่งงานกับหญิงม่ายหรือหญิงที่ถูกหย่าแล้ว แต่ให้แต่งงานกับหญิงพรหมจารีจากเชื้อสายแห่งวงศ์วานอิสราเอล หรือหญิงม่ายซึ่งเป็นหญิงม่ายของปุโรหิต    ปุโรหิตนั้นถูกแยกพิเศษเพื่อพระเจ้า เขาจึงต้องบริสุทธิ์ สิ่งที่พระเจ้ากำหนดให้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด  ฉะนั้นการได้แต่งงานกับหญิงพรมจารี ก็นั้บว่าเป็นสิ่งที่ดีงามสำหรับผู้ชาย นี่คือมโนธรรมที่พระเจ้าใส่ไว้ในมนุษย์ชายหญิงแต่เริ่ม
ฉะนั้นการรักษาพรมจรรย์ คือสิ่งที่ผู้หญิงของพระเจ้าต้องรักษาไว้ และมีชายได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น จนกว่าชายนั้นจะตายจากไป  นี่คือความสวยงามของชีวิตอันเป็นอุดมคติ

ย้อนมาดูที่ปัญหากันนะครับ ถ้าการที่หญิงพรหมจารี  มีความสัมพันธ์ทางเพศ นอกสมรส เรียกล่วงประเวณี หรือไม่? ต้องมีโทษคือเอาหินขว้าง หรือไม่?
เรามาดูกรณีที่พระบัญญัติยกมาให้เข้าใจอย่างละเอียดขึ้น

อพย 22:16 ถ้าผู้ใด (ผู้ชาย) ล่อลวงหญิงพรหมจารีที่ยังไม่มีคู่หมั้นและนอนร่วมกับหญิงนั้น  (หญิงนั้นสมยอม) ผู้นั้นจะต้องเสียเงินสินสอด และต้องรับหญิงนั้นเป็นภรรยาของตน
“กรณีนี้ไม่เรียกว่าล่วงประเวณี นะครับ และไม่มีโทษที่ต้องเอาหินขว้าง แม้นเป็นความสัมพันธ์ทางเพศ นอกสมรส “
กรณีนี้ผู้หญิงสามารถมัดผู้ชายให้แต่งงานได้เลย และได้สินสอดด้วย ( ถ้ามีพยานสองสามปาก ) พูดง่ายๆคือต่างคนต่างสมยอมนั่นเอง ก็จบกันแบบแฮปปี้ได้

ดูต่อครับ
 อพย 22:17 แต่ถ้าบิดาไม่ยอมอย่างเด็ดขาดที่จะยกหญิงนั้นให้เป็นภรรยา เขาก็ต้องเสียเงินเท่าสินสอดตามธรรมเนียมสู่ขอหญิงพรหมจารีนั้นดุจกัน

แม้นลูกจะชอบพออย่างไร ถ้าพ่อไม่เห็นด้วย ก็แต่งงานไม่ได้นั่นเอง แถมผู้ชายต้องจ่ายเงินค่าสินสอดไปให้ด้วย แต่ไม่ได้เจ้าสาว 
ฉะนั้นผลของบัญญัติข้อนี้ทำให้ไปขอดีๆดีกว่า  ผู้ชายต้องเอาชนะใจพ่อตาให้ได้  อย่าให้พ่อโกรธ  เพราะนิสัยการไปมีอะไรกันลับหลัง เสี่ยงที่คุณพ่อจะไม่พอใจ พาลไม่ยกลูกสาวให้

ทำไมบิดาไม่พอใจ ? นอกจากเป็นกรณีที่แอบไปตัดสินใจเองแล้วของลูก ก็มีอีกเรื่องคือเพราะมีบัญญัติที่จะกล่าวหาหญิงที่ประพฤติเช่นนี้คือ “เป็นโสเภณีในบ้านบิดา”  ซึ่งเป็นความบาปร้ายแรงอีกเคสหนึ่งจะเขียนต่อในตอนหน้า
แต่ถ้าบิดาเห็นชอบกับผู้ชายก็ยกให้ก็ไม่มีปัญหาอะไร  แต่โดยมากยกให้เพราะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หญิงพรหมจารีอีกแล้ว และชายนั้นต้องรับหญิงนั้นไป

การที่บัญญัติทิ้งให้เป็นการเห็นชอบของบิดาผู้หญิงด้วย เพราะบางครั้งลูกเขยอาจเป็นคนที่พ่อตาไม่ชอบจริงๆ เช่นเกิดพลาดไปกับคนต่างชาติ ที่นับถือรูปเคารพ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการของลูกสาวที่ยังเด็ก บิดาก็ยังช่วยให้สามารถแก้ไขได้นั่นเองด้วยการปฎิเสธ
ฉะนั้นส่วนมากแล้วเพื่อป้องกันการถูกล่อลวง เมื่อเป็นสาวแล้วพ่อแม่จะหาคู่หมั้นให้ทันที การหมั้นสะท้อนพระลักษณะพระเจ้าที่หมั้นคริสตจักรเอาไว้
เพราะถ้าไม่หมั้นไว้ หมายถึงจะเสี่ยงที่มีกรณีแบบน้ีเกิดขึ้น

พบญ22:28 ถ้าชายคนหนึ่งพบหญิงพรหมจารียังไม่มีคนหมั้น เขาจึงจับตัวเธอและได้ร่วมกับเธอ  (โดนข่มขืน ) มีผู้รู้เห็น (ฟ้องพยานสองสามปาก)
29 แล้วชายผู้ที่ได้ร่วมกับเธอนั้นจะต้องมอบเงินห้าสิบเชเขลให้แก่บิดาของหญิงสาวคนนั้น และเธอจะตกเป็นภรรยาของเขา เพราะเขาได้หยามเกียรติเธอ เขาจะหย่าร้างเธอไม่ได้ตลอดชีวิตของเขา

การหมั้นไว้ก่อนจึงป้องกันการถูกจับไปข่มขืน เพราะถ้าถูกข่มขืนต้องตกไปเป็นของชายคนนั้น  อีกประการคือผลที่ตามมา คนอิสราเอลจะแต่งตัวมิดชิดเพื่อไม่ให้เกิดกรณีนี้ขึ้น เพราะกฎหมายการข่มขืนหญิงพรมจารี ผู้ชายโดนแค่ปรับและรับไปเป็นภรรยา   ผู้หญิงพรหมจารีพ่อจึงรีบหาคู่หมั้นให้ เช่นนางมารีย์ มารดาพระเยซู เมื่อโตขึ้นแล้วก็มีคู่หมั้นทันที (ประมาณ อายุ13)
ผู้หญิงพรหมจารีที่ไม่ได้หมั้นจึงหมายถึงผู้หญิงที่ไม่มีใครอยากรับเอาเป็นภรรยา จึงไม่มีเจ้าของมาหมั้น  ถ้ามีคนมาข่มขืน คนมาข่มขืนก็ต้องรับไป เพราะอย่างไรก็หาคู่ไม่ได้ ถ้าพิจราณาลึกๆอีกมุม ความช้ำชอกอาจอยู่ที่ผู้ชายคนนั้นต้องรับไป และห้ามเลิก เพราะเธอเป็นหญิงพรมจาร  ฉะนั้นห้ามหย่าตลอดชีวิต  ลักษณะการร่วมประเวณีแบบนี้ไม่นับเป็นการ ล่วงประเวณีที่ต้องเอาหินขว้างตายนะครับ  และเงินห้าสิบเชเขล ก็เป็นเงินไม่ได้มากมายเทียบกับค่าครองชีพปัจจุบัน คือ 60,000 บาท

 ภาพเปรียบตอนนี้เราจะเห็นได้ว่า คริสตจักรที่ไม่ได้หมั้นกับพระคริสต์  หรือคนที่มาเชื่อแต่ไม่ได้มีเครื่องหมายแห่งการหมั่นของพระวิญญาณ เขาจะตกเป็นของคนอื่นได้อย่างง่ายๆ  การแสวงหาการหมั้นหมายของพระเจ้าเพื่อประทับตราเราเป็นของพระองค์จึงสำคัญ
2 คร 1:22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำ(หมั้นหมาย)ด้วย

เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในยุคผู้วินิฉัย เมื่อเผ่าเบนจมินพ่ายสงครามและเผ่านี้จะไม่มีลูกหลานผู้สืบทอด เผ่าอื่นๆจึงอนุญาตให้ชายเผ่าเบนจมินไปฉุดผู้หญิงพรมจารีไม่มีคู่หมั้นไปเป็นภรรยา  (ผวฉ. 21:18-21)

ฉะนั้นสรุปว่าหญิงพรหมจารี มีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนแต่งงาน  จึงไม่นับว่า เป็นบาปการล่วงประเวณี  ที่เป็นบาปตายต้องเอาหินขว้าง แต่เป็นเรื่องที่ต้องจัดการให้เหมาะสมต่อไป  ตามธรรมบัญญัติ

* ต่อตอนหน้านะครับ



""""""""""""

ติดตาม
เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี

ตอนที่1 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/blog-post.html

ตอนที่ 2 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/1-2-3-4-5-1-4422-2216-2217-2228-29-13.html

ตอนที่ 3 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/3-2-2223-24-2-112-1310-2225-26-27-1717-p.html

ตอนที่ 4 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/4-3-3.html

ตอนที่ 5 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/5-5-196-518.html

วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ (กรณีล่วงประเวณี)
จากมุมมองจาก "ธรรมบัญญัติพระเจ้า"

ตอนที่ 1

ผู้เขียนเห็นว่าผู้เชื่อพระเจ้าหลายกลุ่มมีความเข้าใจกันคลาดเคลื่อนและไม่ชัดเจนหลายอย่างจากพระวจนะในเรื่องความบาปเรื่องการล่วงประเวณี  ทำให้เกิดการสร้างมาตรฐานใหม่ และสร้างเป็นบทบัญญัติของคริสตจักรขึ้นมาในการตัดสินความสมาชิก
โดยกล่าวอ้างว่านี่คือบทบัญญัติพระเจ้า พระวจนะพระเจ้ากล่าวเช่นนี้  ซึ่งมิใช่ประเด็นเรื่องการล้วงประเวณีเท่านั้นที่มีบทบัญญัติใหม่ๆขึ้นมา
แท้จริงแล้วเหล่านี้คือบทบัญญัติแบบฟาริสีที่กล่าวขึ้น พระเยซูมักตำหนิบ่อยๆ
เพราะความหวังดีของบทบัญญัติที่มนุษย์คิดขึ้นบ่อยครั้งไม่สอดคล้องกับพระบัญญัติพระเจ้า
นอกจากเป็นบทบัญญัติที่ไม่สมบูรณ์แล้ว ทำให้บทบัญญัติพระเจ้าถูกละเลยไป
เพราะแท้จริงแล้วการทำความเข้าใจเรื่องต่างๆต้องอยู่บนพื้นฐานพระเจ้าก่อน มิใช่ตามความดีความชอบของจริยธรรมมนุษย์
และเอาจริยธรรมมนุษย์มาสอนว่าเป็นคำสอนพระเจ้า ซึ่งอันนี้เป็นการวางแนวทางที่ผิด 

มธ.15:9 เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาอวดอ้างว่า เป็นพระดำรัสสอน'"


ผมได้อ่านบทความเรื่อง
ความบาปเรื่องการล่วงประเวณี บทความหนึ่ง ซึ่งตีความหมายมาว่า
การล่วงประเวณีคือ การมีความสัมพันธ์ทางเพศทุกอย่างที่นอกเหนือจากการแต่งงาน 
และความบาปเรื่องการล่วงประเวณี หากจับได้และไม่กลับใจ แต่ละคริสตจักรก็มีบทลงโทษต่างๆกัน
บางคริสตจักรก้ไม่ให้รับบัพติสมา ไม่ให้รับมหาสนิท หรือลงวินัยหรือขับออกจากคริสตจักรไป
บ่อยครั้งการทำเช่นนั้นสร้างความข่มขื่นใจ แก่ผู้ที่กำลังเติบโตในพระเจ้า ทั้งผู้ร่วมเหตุการและผู้รับข้อมูล
และหลายครั้งที่ผู้เขียนเห็นทั้งผู้ออกกฎและผู้รับกรรม ต่างก็ไม่ได้เข้าใจบัญญัติพระเจ้าเลย

ผู้เขียนขอชี้แจงจากบัญญัติพระเจ้า ว่าอะไรคืออะไร
โดยจะไม่เขียนจากความเห็นของตนเอง  หรือสร้างบัญญัติขึ้นมาใหม่
เราทั้งหลายอยู่ภายใต้บัญญัติพระเจ้า พระเจ้าพิพากษาโลกตามบัญญัติพระองค์  ต้องแวะทำความเข้าใจตรงนี้สักนิด
หลายคนเรียนว่า บัญญัติไม่พิพากษาเราแล้ว  (นั่นก็ดีแล้วเราอย่าพิพากษาคนอื่น หรือสร้างบัญญัติไปพิพากษาคนอื่นอีก)
แต่ถ้าการไปสวรรค์นั้น  ไปทั้งๆที่เป็นคนล่วงประเวณีก็ไม่ได้ ขึ้นสวรรค์ทั้งที่ยังไหว้รูปเคารพก็ไม่ได้ เพราะเหล่านี้ผิดบัญญัติ

วว.22:14 คนทั้งหลายที่ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ก็เป็นสุข เพื่อว่าเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเพื่อเขาจะได้เข้าไปในเมืองนั้นโดยทางประตู15 ด้วยว่าภายนอกนั้นมีสุนัข คนใช้เวทมนตร์ คนล่วงประเวณี ฆาตกร คนไหว้รูปเคารพ คนใดที่รักและกระทำการมุสา

การอยู่ในพระคุณพระเยซูจึงหมายถึงผิดบัญญัติไม่ได้  จึงยังอยู่ภายใต้การตัดสินของบัญญัติ เพราะ  
การผิดบัญญัติแปลว่าไม่กลับใจ การไม่กลับใจก็ไม่สามารถรับการอภัยได้ การกลับใจต้องพาชีวิตกลับมาที่มาตรฐานของพระเจ้านั่นคือบัญญัติของพระองค์
อีกมุมหนึ่งคือ ถ้าเรารับการอภัย  ได้รับพระคุณพระเยซู  หมายถึงเราเคยผิดบัญญัติ  เราจึงต้องมาเดินในบัญญัติให้ถูก  
ถ้าตั้งใจเดินให้ถูก แม้นล้มลง จะเข้าใจคำว่าพระคุณตรงนั้นคือผิดแต่อภัยให้
คนไม่เดินในบัญญัติก็ไม่พบพระคุณ จะพบได้อย่างไรเพราะไม่รู้บัญญัติก้ไม่รู้จักบาป  ไม่รู้จักบาปก็ไม่รู้ว่าตนเองบกพร่อง  
ไม่รู้ว่าตนเองบกพร่องก็ไม่มาถึงพระคุณพระเจ้า
บัญญัติจึงเป้นสิ่งที่สะท้อนน้ำพระทัยพระเจ้าให้ผู้ที่เชื่อเดินตามและรู้จักพระองค์

กลับมาสำหรับบัญญัติที่จะกล่าวถึงตอนนี้คือเรื่อง
บัญญัติที่ว่าด้วยการล่วงประเวณี
ความบาปล่วงประเวณี โทษก็คือ การเอาหินขว้างให้ตาย
ฉะนั้นการทำผิดหมายถึงความตาย  จึงเป็นบาปประเภทร้ายแรง  เรียกว่าเป็นบาปตาย
1 ยน 5:16 ถ้าผู้ใดเห็นพี่น้องของตนกระทำบาปอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่นำไปสู่ความตาย ผู้นั้นจงขอ และพระองค์ก็จะทรงประทานชีวิตแก่ผู้นั้นที่ได้กระทำบาปซึ่งไม่ได้นำไปสู่ความตาย บาปที่นำไปสู่ความตายก็มี ข้าพเจ้ามิได้ว่าให้เขาอธิษฐานสำหรับบาปอย่างนั้น

ถ้าความเชื่อที่ว่าคนมีเพศสัมพันธ์นอกการแต่งงานคือล่วงประเวณี จะคิดแบบ
คนที่ไม่เข้าใจบัญญัติพระเจ้าจะ คิดว่า แบบนี้ก็ขว้างกันตายเป็นแถว
ยกตัวอย่างว่าถ้าอาจารย์ถามลูกศิษย์มหาวิทยาลัยในห้องว่าใครยังคงรักษาพรมจรรย์อยู่
อาจจะมีไม่ถึงครึ่งห้องที่ยกมือ ต้องเอาหินขว้างอีกครึ่งห้องให้ตาย
ครับ  หลักการนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง  ถ้าคุณจับคนในคริสตจักรได้ว่า เขาล่วงประเวณี 
มีสองสามปากเป็นพยาน เอาหินขว้างได้

พบญ 17:6 ผู้ที่ถูกกล่าวโทษถึงตายนั้น ให้มีพยานสองหรือสามปากยืนยันว่าผู้นั้นมีความผิด จึงให้ปรับโทษถึงตายได้ อย่าลงโทษผู้ใดถึงตายด้วยพยานปากเดียว

ในสมัยพระเยซูก็ยังคงใช้กฎนี้อยู่ และพระองค์ก็ไม่ปฎิเสธบัญญัติที่พระเจ้าตั้งขึ้นและไม่ลดมาตรฐาน
หลายคนจินตนาการว่า  แบบนี้คนที่ได้ชื่อว่าหญิงล่วงประเวณี หรือหญิงโสเภณี ในอิสราเอล
ทำไมจึงไม่มีใครเอาหินขว้างเธอเหล่านั้น เช่นนางมารีย์มักดารา หรือหญิงที่พระเยซูเจอที่บ่อน้ำ ทำไมยังลอยนวล

นั่นเพราะบัญญัติพระเจ้ากล่าวว่า จะกล่าวโทษใคร ต้องมีพยาน 2-3 ปาก
ถ้าไม่มีพยาน ก็ไม่มีการลงโทษ  เช่น ถ้ามีคนบอกว่าผมรู้ใช่ไหมคนนี้ทำบาป ไปร่วมเป็นพยานหน่อย
จะเอาหินขว้างเขา   ผมจะปฎิเสธการไปเป็นพยาน เพราะบัญญัติสอนให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ผมให้โอกาส
ลนต 19:18   แต่เจ้าจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือพระเยโฮวาห์
แต่ถ้าสุดๆแล้ว เห็นว่าควรกำจัด ชายหรือหญิงคนนี้เสีย เพื่อความสงบสุข ผมจะไปเป็นพยาน เพราะเห็นแก่ชุมชน
สภษ 17:9 บุคคลผู้ปิดบังการละเมิดก็เสาะหาความรัก แต่คนกล่าวเรื่องนั้นซ้ำซากก็ทำให้เพื่อนสนิทแยกจากกัน

พระเยซูจึงสอนว่าเมื่อท่านทำผิดท่านต้องไปไกล่กลี่ยกันก่อนอย่าให้ไปถึงศาล 
เพราะไปถึงศาลก็อาจจะเจอพยานที่เกลียดชังท่าน  ท่านก้ดิ้นไม่หลุด 
ฉะนั้นมีบาปคุยกันให้จบ อย่าไปถึงคนอื่น  แบบนี้ไม่เรียกการซ่อนบาปแต่เป็นการเคลียกันให้จบ
ไม่มีใครอยากทำบาป ทำบาปมาแล้วคุยกันกลับใจให้จบ  ก่อนไปถึงศาลสูง
มธ5:25 จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วขณะที่พากันไป เกลือกว่าในเวลาหนึ่งเวลาใด
คู่ความนั้นจะมอบท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบท่านไว้กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในเรือนจำ
ซึ่งสอดคล้องกับสุภาษิตได้สอนว่า
สภษ 25:9 จงตกลงเรื่องของเจ้ากับเพื่อนบ้านของเจ้า และอย่าทำให้เผยความลับของเขา

ฉะนั้นเราจึงเห็นคนที่ทำบาปล่วงประเวณี ใช้ชีวิตปรกติในอิสราเอล เพราะเขาไม่ได้ทำใครเดือดร้อนจนออกมาเป็นพยานเอาหินขว้าง
นอกเสียจากหญิงคนหนึ่ง ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือของการพยายามดิสเครดิตรเรื่องความรักเพื่อนบ้านกับความสัตย์ซื่อต่อธรรมบัญญัติ ของพระเยซู  และพระเยซูก็สอบผ่านทั้งเรื่องความรักและเรื่องธรรมบัญญัติ  โดยคดีนั้นมีพยานแล้ว พร้อมจะขว้างแล้ว  เขาจึงนำมาหาพระเยซู  พระเยซูตรัสถึงหัวใจของการใช้ธรรมบัญญัติ ทรงชี้ไปที่ ดิน นั่งขีดเขียนซึ่งทุกคนเป็นดิน เท่าเทียมกัน  ทุกคนเกิดมาจากบาป ไม่มีใครชอบธรรมเพื่อจะกล่าวโทษใครได้  จึงตรัสว่า “ใครไม่เคยทำผิดบาปก็ขว้างก่อนคนแรก” ทุกคนจึงละไป “เพราะตระหนักได้”

ทุกครั้งที่จะกล่าวโทษใครอย่าลืมนึกถึงสิ่งที่พระเยซูตรัสคำนี้ เพราะถ้า “ใครไม่มีบาปก็ พิพากษาคนอื่นก่อนได้เลย”

ยน 8:10 เมื่อพระเยซูทรงลุกขึ้นแล้ว และมิได้ทอดพระเนตรเห็นผู้ใด เห็นแต่หญิงผู้นั้น พระองค์ตรัสกับนางว่า "หญิงเอ๋ย พวกเขาที่ฟ้องเจ้าไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ"
นางนั้นทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย" และพระเยซูตรัสกับนางว่า "เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิด และอย่าทำบาปอีก"

ถ้าไม่มีใครกล่าวโทษ พระเจ้าก็ไม่เอาโทษ  ถ้ามีคนกล่าวโทษ พระเจ้าก็จำเป็นต้องพิพากษาเช่นกัน
ฉันใดฉันนั้น  คนของพระเจ้าก็ชอบฟ้องกันเอง พระเยซูจึงสอนว่าอย่ากล่าวโทษใคร  มีคนกล่าวโทษฟ้องท่านทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้วคือมาร  ศคย 3:31 และซาตานยืนอยู่ข้างขวามือของท่าน จะฟ้องท่าน 
รีบไกล่เกลี่ยยกโทษต่อกันแล้วจบให้ไว อย่าให้มีการฟ้องร้องเกิดขึ้น
สภษ 28:13 บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา
และที่สำคัญที่พระเยซูทิ้งท้ายไว้เมื่อไกล่เกล่ยแล้วคือ  “อย่าทำอีก”
นี่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ได้ชีวิต
แต่ถ้าตัดสินด้วย ความรู้ดีรู้ชั่ว ไม่มีใครรอดแน่นอน

พระบัญญัติพระเจ้าไม่ลดความเข้มงวด แต่มนุษย์ต้องใช้ด้วยความรักในการรักษาบัญญัติ
1 ทธ 1:5 แต่จุดประสงค์แห่งพระบัญญัตินั้นก็คือ ความรักซึ่งเกิดจากใจอันบริสุทธิ์ และจากจิตสำนึกอันดี และจากความเชื่ออันจริงใจ


เรามาดูเรื่องบาปการล่วงประเวณีกันต่อ ในเรื่องที่คนมักเข้าใจผิดจากบัญญัติและไปสร้างกฎตัดสินผู้อื่น
ชี้แจงก่อนว่าการทำผิดทางเพศในการ ”ล่วงประเวณี” นั้น ไม่ใช่ทุกอย่างในการ”ร่วมประเวณี”นอกสมรสคือการ”ล่วงประเวณี” กฎบัญญัติพระเจ้าชี้ประเด็นต่างๆอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร มีทั้งกรณีที่เป็นบาปเป็น และกรณีที่เป็นบาปตาย  ไม่ใช่ทุกอย่างคือล่วงประเวณีเอาหินขว้างหมดอย่างที่เข้าใจ
1ยน.5:17การอธรรมทุกอย่างเป็นบาป แต่บาปที่ไม่ได้นำไปสู่ความตายก็มี


 +++++ต่อตอนหน้าครับ++++++

ติดตาม
เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี

ตอนที่1 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/blog-post.html

ตอนที่ 2 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/1-2-3-4-5-1-4422-2216-2217-2228-29-13.html

ตอนที่ 3 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/3-2-2223-24-2-112-1310-2225-26-27-1717-p.html

ตอนที่ 4 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/4-3-3.html
ตอนที่ 5 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/5-5-196-518.html