วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ตอนที่ 5
บัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ (กรณีล่วงประเวณี)

จากมุมมองจาก "ธรรมบัญญัติพระเจ้า"


5 หญิงที่แต่งงานแล้ว
การแต่งงานคือการยอมรับต่อหน้าสัขขีพยานว่าชายหญิงทั้งสองจะอยู่ร่วมกันเข้าส่วนเป็นสามีภรรยา เป็นพิธีที่มีทุกชนชาติทุกภาษา เป็นภาพสะท้อนการที่คริสตจักรและพระเจ้าเข้าส่วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

มธ 19:6 เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย"


การล่วงประเวณี เป็นความบาปที่ไม่มีใครอยากให้เกิดสภาพเช่นนี้เลย เพราะเป็นการทำลายพระลักษณะของพระเจ้าอย่างรุนแรง เเละมีโทษเป็นบาปตาย
พบญ5:18 "'อย่าล่วงประเวณี”  เป็นกฎหลักหนึ่งในสิบของบัญญัติพระเจ้า  
ความหมายของการล่วงประเวณี ก็คือ

การที่ผู้หญิงแต่งงานแล้วมีชู้  และการที่ชายไปมีเพศสัมพันธ์ุกับหญิงที่แต่งงาน
หรือหมั้น
เหล่านี้จึงเรียกว่า  “ล่วงประเวณี”


พบญ.22:22 ถ้าพบชายคนหนึ่งไปร่วมกับภรรยาของคนอื่น ทั้งสองคน คือชายที่ไปร่วมกับหญิงและหญิงคนนั้นจะต้องมีโทษถึงตาย ดังนี้แหละท่านจะกำจัดความชั่วจากอิสราเอล

แต่การที่หญิงไม่มีคู่หมั้นหรือยังไม่เเต่งงานไปมีเพศสัมพันธุ์กับชายที่มีภรรยาแล้วไม่ได้เรียกว่าล่วงประเวณี  เพราะการมีภรรยาคนที่สองไม่ได้เรียกว่าล่วงประเวณี

เช่น โมเสส รับหญิงคนคูช (ผิวดำ) มาเป็นภรรยา ไม่ใช่การล่วงประเวณี หรือยาโคบ รับราเชลเข้ามาเป็นภรรยาทั้งที่มี เลอาห์อยู่แล้วไม่เรียกการล่วงประเวณี
การที่ดาวิดรับนางอาบีกายินมาเป็นภรรยา เพราะสามีนางตายแล้ว ไม่เรียกการล่วงประเวณี  แต่การที่ดาวิดมีเพสสัมพันธ์ กับ บัชเชบา ภรรยาอุรีอาห์คนฮิตไทน์
นั่นคือการล่วงประเวณี  ดาวิดจึงต้องฆ่าสามีนาง เพื่อจะได้นางมาอย่างถูกกฎบัญญัตินั่นเอง   ดาวิดจึงทำผิดสองเด้งคือ ล่วงประเวณีและฆ่าคน บัชเชบาก็เป็น หญิงล่วงประเวณี คบชู้  

ถ้าเราสังเกตูความเข้มงวดในบัญญัติเรื่องนี้
การล่วงประเวณี เมื่อตอนแต่งงานแล้ว ตรงนี้ไม่ค่อยมีใครมาเป็นพยานปรักปรำให้หญิงคนนั้นต้องตายเท่าไร

อาจจะเป็นเหตุผลเรื่องการมีบุตรแล้ว หรือเป็นเนื้อเดียวกับชายผู้เป็นสามีนั้นแล้วต้องรับผิดชอบร่วมกัน หรือการที่ต้องการให้อยู่ด้วยกันด้วยการเรียนรู้อภัยซึ่งกันและกัน
แต่การล่วงประเวณีนั้นโทษรุนแรงถึงตาย  หมายถึงพระเจ้าให้ความสำคัญมาก
ฉะนั้นสังคมคนของพระเจ้าที่เดินในบัญญัติ ผู้ชายมักจะได้หญิงพรหมจารีเป็นภรรยา เพราะโทษการล่วงประเวณีนั้นเข้มงวด จนไม่มีใครอยากเป็นหญิงผิดประเวณี
และเป็นการส่งผลไปถึงชีวิตในการแต่งงานที่จะไม่ทำพลาดด้วย  

ข้อคิดเรื่องการหย่า การที่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วนั้นล่วงประเวณี  ผู้ชายสามารถหย่าได้  และนั่นเป็นกรณีเดียวที่ผู้ชายจะหย่าจากผู้หญิงได้  

มธ 5:32 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดจะหย่าภรรยา เพราะเหตุอื่นนอกจากการเล่นชู้ 
ก็เท่ากับว่าผู้นั้นทำให้หญิงนั้นผิดศีลล่วงประเวณี และถ้าผู้ใดจะรับหญิงซึ่งหย่าแล้วเช่นนั้นมาเป็นภรรยา ผู้นั้นก็ผิดศีลล่วงประเวณีด้วย
ถ้าผู้ชายหย่าภรรยา เพราะไม่ชอบใจ  (เช่นกำกับข้าวไม่อร่อย,ขี้บ่น  ผู้หญิงที่ถูกหย่า จะโดนตีค่าทางนิตินัยว่า เป็นหญิงล่วงประเวณี    เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงห้ามคู่แต่งงานแยกจากกัน จนกว่าตายมาพรากไป  ตามบัญญัติให้หย่าก็เฉพาะเรื่องผู้หญิงเล่นชู้เท่านั้น 

ผู้หญิงที่ไม่ชอบสามีตนหรืออยากกลับไปเป็นโสด และขอหย่าจากสามีด้วยเหตุผลต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับการที่ตนไปมีชู้  เท่ากับ กำลังพาตัวเองไปสู่การเป็นหญิงล่วงประเวณี   เพราะการหย่าหมายถึง สังคมอิสราเอลตีค่าว่า หญิงคนนั้นเป็นหญิงล่วงประเวณี  ยิ่งไปแต่งงานใหม่ ก็คือหญิงล่วงประเวณีทั้งนิตินัยและพฤตินัย    มีช่องทางเดียวเท่านั้นที่จะแต่งงานใหม่ หรือเป็นโสดได้ คือสามีตาย

รม. 7:3 ฉะนั้น ถ้าผู้หญิงนั้นไปหลับนอนกับชายอื่นในเมื่อสามียังมีชีวิตอยู่ นางก็ได้ชื่อว่าเป็นหญิงล่วงประเวณี แต่ถ้าสามีตายแล้ว นางก็พ้นจากกฎระเพณีสามีภรรยา แม้นางไปเป็นภรรยาชายอื่น ก็หาผิดประเวณีไม่
ตัวอย่างจากพระคัมภีร์คือนางรูธชาวโมอับ แต่งงานกับชายยิว  เมื่อสามีเธอเสียชีวิตแล้ว  เธอก็สามารถหาสามีใหม่ได้  แต่ถ้าสามียังมีชีวิต ผู้หญิงไม่สามารถหย่าขาดจากสามีได้  และแท้จริงแล้วพระเจ้าไม่ปารถนาให้มีการหย่าเกิดขึ้น
มก10:6 แต่ตั้งแต่เดิมสร้างโลก พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง
เพราะเหตุนั้นบุรุษจึงต้องละบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยา
และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน
เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย"

ในพระคัมภีร์มีตัวอย่าง หญิงล่วงประเวณีโดยการเล่นชู้  คือภรรยาของ โฮเชยา ผู้เผยพระวจนะ  พระเจ้าให้ท่านไปรับหญิงเจ้าชู้มาเป็นภรรยาและเกิดลูก ซึ่งเป็นลูกของชู้
พระเจ้าให้โฮเชยาเข้าใจถึงพระทัยพระเจ้า ที่เห็นอิสราเอลเป็นหญิงเจ้าชู้ พระองค์ต้องให้อภัยภรรยาเจ้าชู้นั้น และเสียเงินไถ่เธอกลับมา 

ฮชย3:2 ดังนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อนางมาเป็น เงินสิบห้าเชเขลกับข้าวบารลีหนึ่งโฮเมอร์กึ่ง
3 ข้าพเจ้าจึงพูดกับนางว่า "เธอต้องรอฉันให้หลายวันหน่อย อย่าเล่นชู้อีก อย่าไปเป็นของชายอื่นอีก ส่วนฉันก็จะไม่เข้าหาเธอด้วย"

ในเรื่องนี้เราจะเห็นว่าพระลักษณะของพระเจ้าคือการที่ ก่อนเราจะเป็นของพระเจ้านั้น (เป็นคู่หมั้น) เราต้องบริสุทธิ์ เพราะพระเจ้าได้หมั้นเราเอาไว้แล้วนั่นเป็นเรื่องสำคัญ
และเมื่อไรที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาพระเจ้าแล้ว เป็นของพระเจ้าโดยสมบูรณ์ พระองค์ยกบาป และพร้อมไปกับเราทุกเรื่อง นี่คือพระลักษณะพระเจ้า
แต่ถ้าท่าน "ใจแข็งกระด้าง"  รับไม่ได้ที่ภรรยามีชู้ท่านก็ทำการ "อย่า"  ได้  


พระเยซูกล่าวถึงพระทัยพระเจ้าว่า
มธ5:328 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า "โมเสสได้ยอมให้ท่านทั้งหลายหย่าภรรยาของตน เพราะใจท่านทั้งหลาย แข็งกระด้าง แต่เมื่อเดิมมิได้เป็นอย่างนั้น

ความหมายของคำว่าเเข็งกระด้างตรงนี้คือ  มีชู้ก็หย่าเลยเรียกว่าคนใจแข็งกระด้าง ท่านหย่าได้แต่พระเยซูเรียกท่านว่าคนใจแข็งกระด้าง
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้  เพราะการหย่านั้นผลก็คือ การฟ้องว่าผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนล่วงประเวณีผู้ชายก็จะได้ชื่อว่าผิดประเวณีเหมือนกัน  นั่นคือผิดในสิ่งที่พระเจ้าสร้างและกำหนดให้

4 เขาทูลตอบว่า "โมเสสอนุญาตให้ทำหนังสือหย่าให้ภรรยา แล้วก็หย่าให้"
5 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า "โมเสสได้เขียนบัญญัติข้อนั้นเพราะเหตุใจพวกเจ้า  “ดื้อดึง”

10 เมื่อเข้าไปในเรือนแล้ว เหล่าสาวกทูลถามพระองค์อีกถึงเรื่องนั้น
11 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "ถ้าผู้ใดหย่าภรรยาของตน แล้วไปมีภรรยาใหม่ ผู้นั้นก็ได้ผิดประเวณีต่อภรรยาเดิม
12 และถ้าหญิงเองจะหย่าสามีของตน แล้วไปมีสามีใหม่ หญิงนั้นก็ผิดประเวณีเหมือนกัน"

ฉะนั้นไม่ว่าอิสราเอลทำบาปอย่างไร พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งอิสราเอลเลย
นี่คือพระลักษณะพระเจ้า  ไม่เคยหย่าขาดเลย

อสย 54:5 เพราะผู้สร้างเจ้าเป็น”สามี”ของเจ้า พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา 
ฮชย 9:1 โอ อิสราเอลเอ๋ย อย่าเปรมปรีดิ์ไป อย่าเปรมปรีดิ์อย่างชนชาติทั้งหลายเลย เพราะเจ้าทั้งหลาย”เล่นชู้นอกใจพระเจ้า”ของเจ้า
ฮชย 3:1 และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงไปอีกครั้งหนึ่ง ไปสมานรักกับหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนรักของชู้และเป็นหญิงล่วงประเวณี 
เหมือนพระจ้าทรงรักพงศ์พันธุ์อิสราเอลอย่างนั้นแหละ แม้ว่าเขาจะหลงใหลไปตามพระอื่น และนิยมชมชอบกับขนมลูกองุ่นแห้ง"
อสค16:59 "เออ พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราจะกระทำแก่เจ้าอย่างที่เจ้าได้กระทำแล้วนั้น ผู้ดูหมิ่นคำสาบานและหักพันธสัญญา
60 ถึงกระนั้นเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเรา ซึ่งเราทำไว้กับเจ้าในสมัยเมื่อเจ้ายังสาวอยู่ และเราจะสถาปนาพันธสัญญานิรันดร์ไว้กับเจ้า

พระเจ้าทิ้งท้ายว่า
63 เพื่อเจ้าจะจำได้และสนเท่ห์ (ว่าพระเจ้าอภัยให้เราด้วยหรือ)  และเพราะความละอายของเจ้า เจ้าจะไม่อ้าปากพูดอีก เมื่อเราลบมลทินบาปทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำมาแล้ว พระจ้าตรัสดังนี้"

ฉะนั้นการไม่หย่าจากกันไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นคือน้ำพระทัยพระเจ้าสูงสุด 
แต่ถามว่ามีไหม ที่ทนไม่ไหวต้องหย่าจริงๆ ก็มี พระเจ้าก็ทิ้งคนของพระเจ้าหากไม่กลับใจ
ฉะนั้นบัญญัติจึงมีช่องตรงนี้เอาไว้คือหย่าได้ แต่อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

ในกรณีที่ผู้ชายขอหย่าเพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ
พบญ 24 : 1 "เมื่อชายคนใดมีภรรยาแต่งงานอยู่กินด้วยกันกับนาง และสามีไม่ชอบภรรยาคนนั้น เพราะมาทราบว่านางมีสิ่งน่าอาย
และเขาทำหนังสือหย่าใส่มือให้นาง แล้วไล่ออกจากเรือนไป
2 และนางก็ออกจากเรือนไปเสีย และถ้านางไปเป็นภรรยาของชายอีกคนหนึ่ง
และสามีคนหลังนี้ไม่ชอบนางจึงทำหนังสือหย่าใส่ มือนางแล้วไล่นางออกจากเรือน หรือสามีคนหลังนี้ที่ได้นางเป็นภรรยาถึงแก่ความตาย
4 สามีคนเดิมที่ได้ไล่นางไปนั้นจะรับ นางที่มลทินแล้วมาเป็นภรรยาอีกไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแด่พระเจ้า 
ท่านทั้งหลายอย่ากระทำให้แผ่นดินซึ่ง พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านประทาน แก่ท่านให้เป็นมรดกนั้นมีความผิด

ถ้าท่านหย่าขาดจากกันแล้ว ห้ามกลับมาอีก เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแด่พระเจ้า

เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี ก็ขอจบโดยให้เห็นในภาพรวมๆ เอาไว้เพียงเท่านี้ครับ

ชาโลม
ชนะ ชัยประเสริฐ


"""""""""""
ติดตาม
เรื่องบัญญัติพระเจ้ากับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เกี่ยวกับการล่วงประเวณี

ตอนที่1 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/blog-post.html

ตอนที่ 2 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/1-2-3-4-5-1-4422-2216-2217-2228-29-13.html


ตอนที่ 3 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/3-2-2223-24-2-112-1310-2225-26-27-1717-p.html

ตอนที่ 4 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/4-3-3.html

ตอนที่ 5 http://faithful-creation.blogspot.com/2018/02/5-5-196-518.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น